คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีแพ่ง โดยบรรยายรายละเอียดข้อความที่จำเลยเบิกความกับความจริงเป็นอย่างไร และว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดี แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าคดีที่จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จนั้นมีข้อหาหรือประเด็นพิพาทเป็นอย่างไร และประเด็นที่สำคัญของคดีมีว่าอย่างไรดังนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ย่อมเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 519/2531 ของศาลชั้นต้น ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดจงสถาพรพืชผล โจทก์ นายพิบูลย์ ไพศาลสุขวิทยาจำเลย ว่า เมื่อประมาณปี 2528 จำเลยกับนายไคเลี้ยง แซ่เอาได้ตกลงเข้าหุ้นส่วนกันค้าขายข้าวโพดโดยนายไคเลี้ยงลงทุนเป็นเงิน 300,000 บาท ส่วนจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและค่าบรรทุกพืชไร่ นายไคเลี้ยงจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนส่วนหนึ่ง เมื่อนายไคเลี้ยงส่งเงินลงทุนมาให้จำเลยแล้ว ได้ให้จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาห้าแยกโคกมะตูมลงวันที่ 5 มีนาคม 2530 จำนวนเงิน 300,000 บาท เพื่อค้ำประกันเงินลงทุนให้แก่นายไคเลี้ยง ความจริงแล้วจำเลยและนายไคเลี้ยงมิได้เข้าหุ้นกันค้าขายข้าวโพด แต่จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อนำมาแลกเงินสดกับโจทก์ โดยให้ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งความเท็จที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีและจำเลยได้นำสืบและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแพ่งดังกล่าว โดยจำเลยเขียนข้อความเป็นภาษาจีนแปลเป็นไทยว่า เพื่อค้ำประกัน ลงในเช็ค ซึ่งความจริงขณะที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นไม่มีข้อความเพื่อค้ำประกัน พยานหลักฐานดังกล่าวเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 180, 90,91, 59
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า คดีโจทก์มีมูลในข้อหาเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ให้ประทับฟ้องเฉพาะข้อหานี้ไว้พิจารณา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 3 เดือน และปรับ3,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หรือไม่ พิเคราะห์แล้วคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 519/2531 ของศาลชั้นต้น ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดจงสถาพรพืชผล โจทก์ นายพิบูลย์ ไพศาลสุขวิทยา จำเลย โดยบรรยายรายละเอียดข้อความที่จำเลยเบิกความ กับความจริงเป็นอย่างไรและว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดี แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าคดีที่จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จนั้น มีข้อหาหรือประเด็นข้อพิพาทเป็นอย่างไร และประเด็นที่สำคัญของคดีมีว่าอย่างไร ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ย่อมเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้ออื่นอีกต่อไป”
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share