คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จัดการสาขามิใช่ผู้แทนเจ้าหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคล ดังนั้นข้อเท็จจริงใดที่ผู้จัดการสาขารับรู้หาผูกพันให้เจ้าหนี้ต้องรับรู้ไม่ เมื่อกรรมการผู้จัดการของเจ้าหนี้ไม่รู้ถึงการก่อหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระในคดีนี้ หนี้ดังกล่าวจึงมิใช่หนี้ซึ่งเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ทั้งสองไว้เด็ดขาด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวม 3 ฉบับ จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ เป็นหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำนวน105,855,068.28 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองหนี้ตามคำพิพากษาจำนวน 62,672,231.11 บาทและหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 20,560,970.86 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้แล้วไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นเสนอศาลชั้นต้นว่า เจ้าหนี้โดยกรรมการผู้มีอำนาจยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินพอจะชำระหนี้ได้ จึงเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ทั้งสามฉบับเป็นเงิน 105,855,068.28 บาท62,672,231.11 บาท และ 20,560,970.86 บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เจ้าหนี้เป็นนิติบุคคล ดำเนินการในรูปบริษัท บริหารงานโดยคณะกรรมการของบริษัท แม้จะได้ความว่าลูกหนี้ที่ 1 สนิทสนมกับกรรมการผู้จัดการคนหนึ่งของเจ้าหนี้ แต่ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ากรรมการผู้จัดการดังกล่าวได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวในขณะก่อให้เกิดหนี้ หนี้ทั้ง 3 ราย เกิดขึ้นตามสัญญากู้ยืมซึ่งกระทำระหว่างลูกหนี้กับผู้จัดการสาขาของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นพนักงานของเจ้าหนี้ ผู้จัดการสาขามิใช่ผู้แทนเจ้าหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคล ดังนั้น ข้อเท็จจริงใดแม้ผู้จัดการสาขารับรู้หาผูกพันให้เจ้าหนี้ต้องรับรู้ไม่ เจ้าหนี้ยังไม่ทราบถึงการก่อหนี้ทั้ง 3 รายนี้ หนี้ทั้ง 3 ราย จึงมิใช่หนี้ซึ่งเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้น เมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้คนใด จึงเห็นควรกำหนดให้ครบถ้วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จำนวน105,855,068.28 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสอง และได้รับชำระหนี้จำนวน 62,672,231.11 บาท และ 20,560,970.86 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share