คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเพิ่งซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจาก ณ. และเข้าครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทภายหลังจากที่โจทก์ได้รับจำนองที่ดินและบ้านพิพาทไว้จาก ณ. แล้วโจทก์จึงได้สิทธิจำนองในที่ดินและบ้านพิพาทโดยชอบและมีสิทธิบังคับจำเลยให้ชำระหนี้จำนองได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2526 นายณรงค์วงษ์สุวรรณ นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรวม 5 แปลง จดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ เพื่อเป็นการประกันหนี้ที่นายณรงค์กู้ไปจากโจทก์ ต่อมานายณรงค์ได้ชำระหนี้บางส่วนและไถ่ถอนจำนองไป 4 แปลง คงเหลือที่ดินที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนจำนองเพียงแปลงเดียวต่อมานายณรงค์ผิดสัญญากู้ โจทก์ได้ฟ้องนายณรงค์ให้ชำระหนี้เงินกู้และบังคับจำนองที่ดินแปลงดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เมื่อโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินจำนองจำเลยได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ อ้างว่านายณรงค์ได้ขายให้แก่จำเลยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 17เมษายน (ที่ถูกมกราคม) 2527 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนการยึดคดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวแก่จำเลยในฐานะผู้รับโอนทรัพย์จำนอง ให้ชำระหนี้ที่ผู้จำนองค้างชำระแก่โจทก์ภายในกำหนด 1 เดือน หากไม่ชำระโจทก์จะบังคับจำนองจำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้วแต่เพิกเฉยจำเลยจะต้องชำระหนี้ที่ผู้จำนองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ขอให้พิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนการจำนองทรัพย์ตามฟ้อง โดยให้ชำระเงินแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไถ่ถอนจำนอง ขอให้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ โจทก์เคยนำยึดที่ดินและบ้านพิพาทเพื่อบังคับจำนองโดยอ้างว่าเป็นที่ดินและบ้านของนายณรงค์จำเลยได้ร้องขัดทรัพย์ว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของจำเลย ซึ่งนายณรงค์ได้ขายให้แก่จำเลยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2526นายณรงค์ได้สละการครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่จำเลยอยู่อาศัยทันที จำเลยได้ครอบครองอย่างเจ้าของตลอดมา ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยได้สิทธิครอบครองที่ดินและบ้านดังกล่าว พิพากษาให้ปล่อยที่ดินและบ้านคืนให้แก่จำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยมิใช่ผู้ที่อยู่ในฐานะผู้รับโอนทรัพย์จำนอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำนองต่อจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินจากโจทก์ หากจำเลยไม่ไถ่ถอนให้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิบังคับจำเลยให้ชำระหนี้จำนองหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยให้การและนำสืบกล่าวอ้างว่า จำเลยได้สิทธิครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทตั้งแต่ก่อนนายณรงค์นำไปจำนองไว้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน2526 โดยจำเลยซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากนายณรงค์ตั้งแต่ประมาณต้นเดือนมีนาคม 2526 และนายณรงค์ได้ส่งมอบที่ดินและบ้านดังกล่าวให้จำเลยครอบครองอยู่อาศัยทันทีนั้น มีพิรุธไม่น่าเชื่อเพราะแตกต่างขัดแย้งกับที่จำเลยเคยกล่าวอ้างไว้ในคำร้องขัดทรัพย์ของจำเลยในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 116/2529 ของศาลชั้นต้นที่ว่า จำเลยเพิ่งซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากนายณรงค์เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2527 และแตกต่างขัดแย้งกับคำเบิกความของจำเลยเองที่ว่า จำเลยได้นำชื่อไปเข้าทะเบียนบ้านพร้อมกับเข้าไปอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ล.3ว่าจำเลยและบุคคลในครอบครัวของจำเลยเพิ่งแจ้งย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพิพาทเมื่อเดือนกรกฎาคม 2529 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยเพิ่งซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจากนายณรงค์ และเข้าครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทภายหลังจากที่โจทก์ได้รับจำนองที่ดินและบ้านพิพาทไว้จากนายณรงค์แล้ว โจทก์จึงได้สิทธิจำนองในที่ดินและบ้านพิพาทโดยชอบและมีสิทธิบังคับจำเลยให้ชำระหนี้จำนองได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share