แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถึงแก่ความตายก่อนโจทก์ฟ้องคดี แสดงว่าขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยไม่มีสภาพเป็นบุคคลตามกฎหมาย ไม่อาจเป็นคู่ความในคดีได้ โจทก์จึงไม่อาจยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลได้ แต่เมื่อศาลรับฟ้องไว้แล้วจึงต้องจำหน่ายคดี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2532
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับนายธนะ วัฒนะชัย และจำเลยได้ถึงแก่ความตายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2528 ก่อนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องนานถึง 3 ปีเศษ
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยยังไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยกับนายธนะวัฒนะชัย เป็นคนละคนกัน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเชื่อว่า จำเลยกับนายธนะ วัฒนะชัยซึ่งถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2528 เป็นบุคคลคนเดียวกันโจทก์ฟ้องภายหลังจากที่จำเลยถึงแก่ความตายนานเกินกว่า 1 ปีเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 82 จึงให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าจำเลยกับนายธนะเป็นบุคคลคนเดียวกัน เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายก่อนฟ้องคดีนี้แสดงว่าขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยไม่มีสภาพเป็นบุคคลตามกฎหมายไม่อาจเป็นคู่ความในคดีได้ โจทก์จึงไม่อาจยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลได้ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน