คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7275/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบสำคัญรับเงินค่ากระบือมิใช่ สัญญาซื้อขายหรือจะซื้อขายใบสำคัญรับเงินดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 อายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448ใช้บังคับเฉพาะกรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดแต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 พนักงานของโจทก์ในตำแหน่งปศุสัตว์จังหวัดซึ่งเบิกเงินทดรองไปจากโจทก์เพื่อจัดซื้อกระบือตามโครงการพระราชดำริ และเมื่อจ่ายค่ากระบือที่ซื้อแล้วมีเงินเหลือให้คืนเงินส่วนที่เหลือแก่โจทก์ อันเป็นการขอให้บังคับจำเลยที่ 1 คืนหรือใช้เงินของโจทก์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 แก่โจทก์ จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของทรัพย์ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ไม่มีกำหนดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นข้าราชการสังกัดกรมโจทก์โจทก์โดยจังหวัดกาฬสินธุ์มีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการจัดซื้อและตรวจรับกระบือที่จัดซื้อ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการจำเลยที่ 1 ได้จัดซื้อกระบือครั้งแรกรวม 47 ตัว ตัวละ 4,100 บาทเป็นเงินทั้งสิ้น 192,700 บาท แล้วทำหลักฐานล้างเงินยืมตัวละ 5,000บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 235,000 บาท เงินส่วนที่เหลือ 42,300 บาทจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังเอาเป็นประโยชน์ของตน ครั้งที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้จัดซื้อกระบือรวม 47 ตัว ตัวละ 4,200 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น197,400 บาท แล้วทำหลักฐานล้างเงินยืมตัวละ 5,000 บาท เป็นเงิน235,000 บาท เงินส่วนที่เหลือ 37,600 บาท จำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังเอาเป็นประโยชน์ของตน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินที่เบียดบังทั้งสองครั้งรวมเป็นเงิน 79,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยทั้งสองจัดซื้อกระบือทั้งสองครั้งรวม 94 ตัว ตัวละ 5,000 บาท และได้ชำระให้แก่เจ้าของกระบือครบถ้วนแล้วไม่ได้เบียดบังเอาเงินของโจทก์ไว้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันที่รู้ว่าจำเลยที่ 1ทำละเมิดต่อโจทก์ คดีขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 79,900 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองรวมกันใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้นแทนโจทก์จำนวน 3,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์นำสืบนายสมหมายนายแสง นายสมาน นายอ่วม และนายประทีป ว่า นายสมหมายนายแสง นายสมานและนายอ่วมขายและรับเงินค่ากระบือจากจำเลยที่ 1และที่ 2 ตัวละไม่ถึง 5,000 บาท ผิดไปจากที่ระบุในใบสำคัญรับเงินค่ากระบือ เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 นั้นเห็นว่า ใบสำคัญรับเงินค่ากระบือ มิใช่สัญญาซื้อขายหรือจะซื้อขายใบสำคัญรับเงินดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดงการที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวจึงไม่่ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 กรณีมิใช่เป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายอาญาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ เห็นว่า อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้บังคับเฉพาะกรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1พนักงานของโจทก์ในตำแหน่งปศุสัตว์จังหวัดซึ่งเบิกเงินยืมทดรองไปจากโจทก์เพื่อจัดซื้อกระบือตามโครงการพระราชดำริและเมื่อจ่ายค่ากระบือที่ซื้อแล้วมีเงินเหลือให้คืนเงินส่วนที่เหลือแก่โจทก์ อันเป็นการขอให้บังคับจำเลยที่ 1 คืนหรือใช้เงินของโจทก์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 แก่โจทก์ จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของทรัพย์ฟ้องเรียกทรัพย์ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ไม่มีกำหนดอายุความกรณีมิใช่เป็นเรื่องเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาใช้บังคับในคดีนี้ไม่ได้
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,500 บาทแทนโจทก์

Share