คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6314/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญา จำเลยย่อมยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยก่อนศาลพิพากษา ศาลมีอำนาจจะอนุญาตหรือไม่ก็ได้สุดแต่ศาลจะเห็นสมควร ในตอนแรกจำเลยให้การปฏิเสธหลังจากศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์ไปแล้ว 2 ปาก จำเลยก็ขอเพิกถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ โจทก์จึงแถลงไม่ติดใจสืบพยานที่เหลืออีกต่อไปและศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณา ให้รอฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน แต่ต่อมาจำเลยกลับขอให้การใหม่อีก เป็นรับสารภาพเพียงข้อหาเดียวเท่านั้น ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหามีอาวุธปืนว่า จำเลยได้มีอาวุธปืนสั้นขนาด .38 ไม่ปรากฏว่ามีเครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่จำนวน 1 กระบอก ไว้ในครอบครองของจำเลยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยฟังคำรับสารภาพของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ซึ่งไม่เป็นการแน่นอนว่า อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองนั้นเป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนนี้ให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,295, 371
จำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำให้การเดิมเป็นรับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ตลอดทุกข้อกล่าวหา ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำให้การเดิมเป็นรับสารภาพเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นส่วนข้อหาอื่นปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การหลังจากศาลชั้นต้นได้ปรึกษาคดีและมีคำพิพากษาแล้วไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 295, 371 เรียงกระทงลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนจำคุก 12 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไม่มีใบอนุญาตพกพาจำคุก 6 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 24 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 12 เดือน
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ว่า บทบัญญัติของมาตรา 163แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ว่าจำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา การที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วแต่ยังมิได้อ่านให้จำเลยฟัง จะถือว่าศาลได้พิพากษาแล้วหาได้ไม่ จำเลยย่อมยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การชอบแล้วนั้น จึงเป็นการไม่ชอบเห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยก่อนศาลพิพากษา ศาลมีอำนาจจะอนุญาตหรือไม่ก็ได้ สุดแต่ศาลจะเห็นสมควร คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ แต่หลังจากศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์ไปแล้ว 2 ปากจำเลยก็ขอเพิกถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ โจทก์จึงแถลงไม่ติดใจสืบพยานที่เหลืออีกต่อไป และศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณาให้รอฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน แต่ต่อมาจำเลยกลับขอให้การใหม่อีก เป็นรับสารภาพเพียงข้อหาทำร้ายร่างกายเท่านั้น ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นชอบแล้วแต่คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหามีอาวุธปืนว่าจำเลยได้มีอาวุธปืนสั้นขนาด .38 ไม่ปรากฏว่ามีเครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่จำนวน 1 กระบอกไว้ในครอบครองของจำเลยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยฟังคำรับสารภาพของจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ซึ่งไม่เป็นการแน่นอนว่า อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองนั้น เป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนนี้ให้เป็นคุณแก่จำเลยว่า อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายกรณีจึงต้องปรับบทลงโทษและกำหนดโทษในข้อหานี้ใหม่ให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 72 วรรคสาม,72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 295, 371เรียงกระทงลงโทษ ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 18 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 9 เดือน

Share