คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6039/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันนำดินถมลำรางสาธารณประโยชน์เพื่อสร้างตึกแถว โดยชายคาตึกแถวรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ทำให้โจทก์เสียหายนั้น โจทก์มิได้กล่าวอ้างมาในคำฟ้องว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความแต่อย่างใดเมื่อจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธว่าร่องน้ำพิพาทมิใช่ลำรางสาธารณประโยชน์ คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความหรือไม่ ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาเรื่องภารจำยอมขึ้นวินิจฉัยว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอม จึงเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง นอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันขุดดินที่นำมาถมออกจากลำรางสาธารณะเพื่อให้กลับเป็นลำรางสาธารณะที่ประชาชนจะใช้ร่วมกันเช่นเดิมให้จำเลยทั้งสามรื้อหลังคาตึกแถวให้ชายคาห่างรั้วบ้านของโจทก์ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ให้การทำนองเดียวกันว่า หลังจากนางสินขายที่ดินแก่โจทก์แล้ว โจทก์ได้ถมร่องสวนตรงจุดกึ่งกลางร่องสวน และก่อสร้างกำแพงรั้วตรงจุดกึ่งกลางร่องสวนตามที่ นางสินนำชี้ จำเลยที่ 3 ก็ยอมรับการแบ่งแยกแนวเขตด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยที่ 3 ได้ถมร่องสวนส่วนที่เหลืออยู่และสร้างกำแพงรั้วติดกับกำแพงรั้วของโจทก์ ความเสียหายที่โจทก์อ้างมิได้เกิดจากการทำละเมิดของจำเลยทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันทำการฝังท่อคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีความแข็งแรงทนทาน เส้นผ่าศูนย์กลางของปากท่อต้องไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร ตลอดแนวลำรางชิดกำแพงรั้วบ้านของโจทก์ตั้งแต่ด้านทิศใต้สุดของที่ดินของโจทก์ไปตลอดแนวลำรางจนสุดตรงที่จำเลยถมดินให้ฝังลึกและเชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำของโจทก์และของแต่ละบ้านเพื่อให้น้ำไหลไปสู่คลองขวางวัดไก่เตี้ยได้โดยสะดวก โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายและดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง จนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามในชั้นนี้มีว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าร่องน้ำพิพาทมิใช่เป็นลำรางสาธารณประโยชน์ แต่ก็ตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของนางสิน สุวรรณลมัย ในอันที่จะใช้น้ำจากร่องน้ำพิพาทเพื่อทำสวนโจทก์รับโอนที่ดินมาจากนางสินบางส่วนย่อมได้ภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ด้วยนั้น เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันนำดินมาถมลำรางสาธารณประโยชน์เพื่อสร้างตึกแถว โดยชายคาตึกแถวรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ทำให้โจทก์เสียหายนั้น โจทก์มิได้กล่าวอ้างมาในคำฟ้องว่า ร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความแต่อย่างใด เมื่อจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธว่าร่องน้ำพิพาทมิใช่ลำรางสาธารณประโยชน์ คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความหรือไม่ ดังนั้นเมื่อคดีรับฟังได้ว่าร่องน้ำพิพาทไม่ใช่ลำรางสาธารณประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาเรื่องภารจำยอมขึ้นมาวินิจฉัยว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของนางสิน โจทก์ได้รับโอนที่ดินจากนางสินบางส่วนย่อมได้รับภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ด้วย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง นอกประเด็น ข้อกล่าวหาของโจทก์ที่ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันนำดินมาถมลำรางสาธารณประโยชน์จึงตกไป ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นใดตามที่จำเลยทั้งสามฎีกาต่อไปโจทก์ไม่มีสิทธิใดที่จะให้จำเลยดำเนินการเกี่ยวกับที่พิพาทที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share