คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5953/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์จนโจทก์ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัสจากการทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องตกอยู่ในฐานะเป็นบุคคลที่ควบคุมดูแลยานพาหนะซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลนั้นเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเพียงแต่เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์โดยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุชนโจทก์จึงจะให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องจักรกลไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ในขณะเกิดเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่า จำเลยเป็นผู้ขับและเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร7 ฉ-4598 และได้ขับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนโจทก์ซึ่งกำลังเดินข้ามถนนตรงช่องทางข้าม (ทางม้าลาย) ได้รับอันตรายสาหัส โจทก์ใช้เวลารักษาอยู่ 4 เดือน และต้องพิการตลอดชีวิตเนื่องจากกระดูกคอเคลื่อนและกระดูกขาขวาหัก โจทก์ต้องพักการเรียนขณะนั้นและขาดรายได้ ทั้งไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ขณะเกิดเหตุนายนุโรจน์ เพื่อนของจำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยจำเลยนั่งซ้อนท้าย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะโจทก์เดินข้ามถนนตรงที่เกิดเหตุตัดหน้ารถจักรยานยนต์ที่นายนุโรจน์ขับอย่างกระชั้นชิด เหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความประมาทของจำเลย จำเลยมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและดอกเบี้ยจากจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายจำนวน 80,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายนุโรจน์เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุชนโจทก์จนได้รับบาดเจ็บ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุแล้วจึงมีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ จนโจทก์ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัสจากการทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องตกอยู่ในฐานะเป็นบุคคลที่ควบคุมดูแลยานพาหนะซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลนั้น ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเพียงแต่เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์โดยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุชนโจทก์แต่อย่างใด จึงจะให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องกำลังจักรกลไม่ได้เพราะเป็นการนอกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ในขณะเกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 437 แต่อย่างใดไม่จำต้องวินิจฉัยข้อฎีกาอื่นของจำเลยอีกต่อไป
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share