แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ขายที่ดินที่โจทก์เช่าจากจำเลยให้แก่ ธ.และส. ไปโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 และตามคำขอท้ายคำฟ้องขอให้ศาลพิพากษายกคำวินิจฉัยและมติที่ประชุม คชก.จังหวัดและให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดิน ระหว่างจำเลยกับ ธ.และส.โดยที่โจทก์มิได้ฟ้องผู้ที่เป็นคณะกรรมการ คจก.จังหวัดธ.และส.เป็นจำเลยด้วยคำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำพิพากษาไปใช้บังคับกับบุคคลนอกคดีด้วย ศาลไม่สามารถพิพากษาบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 4726 เลขที่ดิน 13ตำบลไทรงาม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ 50 ไร่จากจำเลยทำนามาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว เสียค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกไร่ละ 8 ถัง ต่อปี ต่อมาจำเลยขายที่ดินดังกล่าวให้นายธงไชย เหล่าไพบูลย์ และนายสุนทร วัชรเขื่อนขันธ์ โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบลไทรงาม หรือ คชก.ตำบลไทรงามได้ยกคำร้องของโจทก์ โจทก์จึงอุทธรณ์ไปยัง คชก.จังหวัดนครปฐมแต่ได้รับการกลั่นแกล้งเพื่อมิให้เรื่องของโจทก์ถึง คชก.จังหวัดนครปฐม โจทก์จึงยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จนกระทั่งมีการประชุม คชก.จังหวัดนครปฐม ครั้งที่ 2/2532 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2532แต่ที่ประชุมมีมติยกอุทธรณ์โจทก์ การที่จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปขายให้แก่ผู้อื่น จึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 และ คชก.จังหวัดนครปฐมวินิจฉัยไปโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ขอให้ยกคำวินิจฉัยและมติที่ประชุม คชก.จังหวัดนครปฐม ครั้งที่ 2/2532เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2532 ในระเบียบวาระที่ 5 ของการประชุมและให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 4726 ตำบลไทรงามอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ 50 ไร่ ระหว่างจำเลยกับนายธงไชย เหล่าไพบูลย์ และนายสุนทร วัชรเขื่อนขันธ์
จำเลยให้การว่า เดิมจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4726 ต่อมาจำเลยต้องการจะขายที่ดินดังกล่าว จึงแจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าทราบ แต่โจทก์ไม่ซื้อ จำเลยจึงขายที่ดินให้แก่นายธงไชย เหล่าไพบูลย์ และนายสุนทร วัชรเขื่อนขันธ์ โดยดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 และ คชก.ตำบลไทรงาม ได้มีคำวินิจฉัยว่า จำเลยทำตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอซื้อที่ดินคืน ทั้ง คชก.จังหวัดนครปฐม มีมติยืนตามคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลไทรงาม เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2532 คดีโจทก์ขาดอายุความ เนื่องจากคำวินิจฉัยและมติที่ประชุม คชก.จังหวัดนครปฐมถึงที่สุดแล้วและโจทก์ทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2532แต่ไม่ได้อุทธรณ์ต่อศาลภายในกำหนด 30 วัน ตามมาตรา 57แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 จึงไม่มีสิทธิขอให้ยกเลิกคำวินิจฉัยหรือมติดังกล่าว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากคำวินิจฉัยตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ข้อ 1 ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยและปัจจุบันกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่ใช่ของจำเลยโจทก์ต้องขอซื้อจากผู้รับโอน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยก่อนว่า คำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทจำเลยได้ขายให้แก่นายธงไชย เหล่าไพบูลย์ และนายสุนทร วัชรเขื่อนขันธ์ ไปแล้วและตามคำขอท้ายคำฟ้อง โจทก์ได้ขอให้ศาลพิพากษายกคำวินิจฉัยและมติที่ประชุม คชก.จังหวัดนครปฐม ครั้งที่ 2/2532 เมื่อวันที่27 พฤศจิกายน 2532 ในระเบียบวาระที่ 5 ของการประชุม และให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินตามโฉนดเลขที่ 4726 ตำบลไทรงามอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม (ที่ดินพิพาท) ระหว่างจำเลยกับนายธงไชย เหล่าไพบูลย์ และนายสุนทร วัชรเขื่อนขันธ์โดยที่โจทก์มิได้ฟ้องผู้ที่เป็นคณะกรรมการคจก.จังหวัดนครปฐมนายธงไชย เหล่าไพบูลย์ และนายสุนทร วัชรเขื่อนขันธ์เป็นจำเลยด้วย คำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำพิพากษาไปใช้บังคับกับบุคคลนอกคดีด้วย ศาลไม่สามารถพิพากษาบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะรับไว้พิจารณา”
พิพากษายืน