คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยกข้ออ้างขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปหลังจากที่ได้ส่งหมายและสำเนาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา 288 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีที่ร้องขัดทรัพย์นั้นศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ทั้งทรัพย์พิพาทก็ได้ขายทอดตลาดไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจจะยื่นคำร้องขัดทรัพย์ใหม่ได้ ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าผู้ร้องได้รับความเสียหายจากการดำเนินการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยการฝ่าฝืนดังกล่าวนั้นจึงไม่มีอีกต่อไป ผู้ร้องไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 69356และ 75569 พร้อมสิ่งปลูกสร้างจากโจทก์ หากจำเลยไม่ชำระหนี้และไม่ไถ่ถอนจำนองให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากขายไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 75569 และ 69356พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2532 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่นายบุ้นหยู แซ่เซียว ผู้ให้ราคาสูงสุดไป
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ต่อศาลเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2532 และได้มีการส่งหมายให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2532 จึงไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดเป็นไปโดยชอบแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องเพื่อเป็นการประวิงการบังคับคดี ทำให้ผู้ซื้อทรัพย์เสียหาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไปในวันที่ 9 ตุลาคม 2532 โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับสำเนาคำร้องขัดทรัพย์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2532การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดมาในคดีนี้ไปก่อนที่จะรับหมายและสำเนาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงต้องถือว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีที่ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ ในวันนัดสืบพยานผู้ร้อง ผู้ร้องทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องออกจากสารบบความ คดีถึงที่สุดถือว่าคดีนี้ไม่มีการร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์ของผู้ร้องไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยพิพากษายกอุทธรณ์ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาผู้ร้องว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยเหตุที่คดีไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยอีกต่อไปนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม2532 และได้มีการส่งหมายให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว แต่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2532 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดนั้นไปจึงไม่ชอบ ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดตามคำร้องของผู้ร้องยกข้ออ้างขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปหลังจากที่ได้ส่งหมายและสำเนาคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว อันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา288 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าคดีที่ผู้ร้องขัดทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ทั้งทรัพย์พิพาทก็ได้ขายทอดตลาดไปแล้วผู้ร้องจึงไม่อาจจะยื่นคำร้องขัดทรัพย์ใหม่ได้ ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าผู้ร้องได้รับความเสียหายจากการดำเนินการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยการฝ่าฝืนดังกล่าวนั้นจึงไม่มีอีกต่อไป ผู้ร้องไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้เพิกถอนการขายทอดตลาด คดีไม่มีประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องต่อไป
พิพากษายืน

Share