คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5655/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ลงลายมือชื่อเป็นองค์คณะในต้นร่างคำพิพากษาแล้ว แต่ต่อมาไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่นก่อนที่จะลงนามในคำพิพากษาอธิบดีผู้พิพากษาศาลศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงจดแจ้งหมายเหตุกลัดติดสำนวนไว้ว่า “คดีนี้ได้ทำคำพิพากษาโดยนายป. ได้ร่วมประชุมปรึกษาเป็นองค์คณะดังลงนามไว้แล้วในต้นร่างคำพิพากษา แต่นายป.ได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่นก่อนที่จะลงนามในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงบันทึกไว้เป็นสำคัญ” ดังนี้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่และจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เนื้อที่ประมาณ10 ไร่ ซึ่งยังมิได้แบ่งแยกกันเป็นสัดส่วน ต่อมาจำเลยได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของตนเอง ขอให้บังคับจำเลยยื่นคำขอเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินในส่วนของโจทก์ทั้งสี่ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของบิดาจำเลย บิดาจำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่จำเลย และจำเลยได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ที่พิพาททั้งแปลง โดยความสงบเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของและจำเลยได้นำที่พิพาทไปออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มิได้ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่จำเลยได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งที่พิพาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามที่โจทก์ทั้งสี่ฎีกาว่าคดีนี้นายประชุม ปิติสันต์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ลงลามือชื่อเป็นองค์คณะในต้นร่างคำพิพากษาแล้ว ถือได้ว่าคดีนี้มีองค์คณะผู้พิพากษาในชั้นอุทธรณ์ 3 คน ต่อมาหากลงลายมือชื่อไม่ได้ ต้อง ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนและลงลายมือชื่อในคำพิพากษาเป็นองค์คณะให้ครบ 3 คน การที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพียงแต่จดบันทึกไว้โดยมิได้ตรวจสำนวนและลงลายมือชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นต้องลงลายมือชื่อผู้พิพากษาที่พิพากษาหรือทำคำสั่งหรือถ้าผู้พิพากษาคนใดลงลายมือชื่อไม่ได้ ก็ให้ผู้พิพากษาอื่นที่พิพาทหรือทำคำสั่งคดีนั้น หรืออธิบดีผู้พิพากษาแล้วแต่กรณีจดแจ้งเหตุที่ผู้พิพากษาคนนั้นมิได้ลงลายมือชื่อและมีความเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นแล้วกลัดไว้ในสำนวนความ” ฉะนั้นการที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จดแจ้งหมายเหตุกลัดติดสำนวนไว้ว่า “คดีนี้ได้ทำคำพิพากษาโดยนายประชุม ปิติสันต ได้ร่วมประชุมคณะดังลงนามไว้แล้วในต้นร่างคำพิพากษาแต่นายประชุมปิติสันต์ ได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่นก่อนที่จะลงนามในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงบันทึกไว้เป็นสำคัญ” นั้นเป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
พิพากษายืน

Share