คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มูลคดีตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิด มิได้ฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งจำเลยก็มิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตของศาลชั้นต้นและมูลคดีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดในเขตของศาลชั้นต้นเช่นกัน แม้โจทก์จะมีภูมิลำเนาอยู่ในศาลชั้นต้น โจทก์ก็ไม่อาจยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นได้เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) และ (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นมารดาและบิดาของนายทศพรผู้ตาย ซึ่งได้กระทำละเมิดโดยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจัดการซ่อมรถยนต์คันดังกล่าว และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่ถึงแก่ความตายตามสัญญาประกันภัย โจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิตามกฎหมาย จำเลยทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงมีหน้าที่ต้องจัดการนำทรัพย์มรดกของผู้ตายมาชำระหนี้แก่โจทก์ เนื่องจากโจทก์ยังไม่สามารถตรวจสอบภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองได้แน่ชัด ทราบเพียงแต่ว่าเคยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดจันทบุรี แต่เคยมาพักอาศัยอยู่กับผู้ตายตามภูมิลำเนาซึ่งอยู่ในเขตศาลชั้นต้นและผู้ตายมีทรัพย์มรดกเท่าที่โจทก์สืบทราบ คือ รถยนต์หมายเลขทะเบียน 4 ช-8730 กรุงเทพมหานคร รวมทั้งโจทก์ก็มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลชั้นต้น จึงยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีที่ศาลชั้นต้นมาพร้อมกับคำฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีว่า คดีนี้มูลคดีและจำเลยมิได้อยู่ในเขตศาลชั้นต้น ทั้งโจทก์มิได้แสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีจะสะดวกอย่างไร จึงไม่อนุญาตให้ฟ้องคดีที่ศาลชั้นต้นและสั่งคำฟ้องว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้ฟ้องที่ศาลชั้นต้น จึงไม่รับคำฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้เป็นมูลคดีเกี่ยวกับละเมิด มิได้ฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งจำเลยก็มิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตของศาลชั้นต้น และมูลคดีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดในเขตของศาลชั้นต้นเช่นกัน แม้โจทก์จะมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลชั้นต้นโจทก์ก็ไม่อาจยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นได้เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(1) และ (2)
พิพากษายืน

Share