คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5337/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การอุทิศที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นหาจำต้องกระทำด้วยการอุทิศให้โดยชัดแจ้งแต่เพียงประการเดียวไม่อาจอุทิศให้โดยปริยายก็ได้ ที่ดินตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(2) ตั้งแต่ก่อนธนาคาร อ. และโจทก์ได้รับโอนที่ดินต่อกันมาแล้ว ธนาคาร อ.และโจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนดังกล่าว การที่ธนาคารอ.ชำระภาษีสำหรับที่ดินให้แก่ทางราชการหรือการที่ธนาคารอ.หรือโจทก์อนุญาตให้บุคคลอื่นหรือทางราชการใช้ที่ดินดังกล่าว หาทำให้ทางสาธารณะและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปแล้ว เปลี่ยนสภาพกลับคืนมาเป็นที่ดินของธนาคาร อ. หรือโจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องและแก้ไขคำฟ้องเป็นใจความว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5232, 45193 และ 45195 โดยได้รับโอนกรรมสิทธิ์จากธนาคารเอเซีย จำกัด จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของตึกแถวเลขที่ 345 จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าของตึกแถว เลขที่ 1434,1590 และ 1592 จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างต่อเติมทางเท้าด้านหน้าด้านข้าง ต่อเติมชายคา และปลูกสร้างต่อเติมอาคารด้านหลังของจำเลยที่ 2 รุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่ 5232 และ 45193 ของโจทก์รวมประมาณ 6 ตารางวา และจำเลยที่ 4 ปลูกสร้างต่อเติมทางเท้าด้านหน้าอาคารและชายคารุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่ 45193 ของโจทก์ประมาณ6 ตารางวา กับต่อเติมอาคารตึกแถวของจำเลยที่ 4 ด้านหลังรุกล้ำที่ดินโจทก์ประมาณ 6 ตารางวา ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 และที่ 4รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่ต่อเติมรุกล้ำและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยที่ 2 ที่ 4 และบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยที่ 2 และที่ 4 ใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การและแก้ไขคำให้การเป็นใจความว่าที่ดินด้านหน้าและด้านข้างของอาคารตามฟ้องเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2514 โจทก์รับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 5232, 45193 และ 45195 มาโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทางสาธารณประโยชน์ โจทก์จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวจำเลยที่ 2 และที่ 4 ได้ครอบครองที่ดินส่วนที่ก่อสร้างต่อเติมด้านหลังตึกแถวของจำเลยที่ 2 และที่ 4 มาโดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยที่ 2และที่ 4 ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 และที่ 4 ได้ทั้งโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาโดยไม่สุจริตและไม่ได้เสียค่าตอบแทน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 4รื้อถอนสิ่งที่ปลูกสร้างส่วนที่ก่อสร้างต่อเติมรุกล้ำ กับให้เลิกการครอบครองใช้ประโยชน์หรือเกี่ยวข้องในที่ดินและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 45193, 45195และ 5232 และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จนกว่าจำเลยที่ 2 และที่ 4จะดำเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จ
จำเลยที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหลังอาคารเลขที่ 345 ของจำเลยที่ 2 และให้จำเลยที่ 4รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหลังอาคารเลขที่ 1590 และ 1592 ของจำเลยที่ 4ส่วนที่ต่อเติมรุกล้ำที่ดินโจทก์และขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินโจทก์ให้เลิกการครอบครองใช้ประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับที่ดินโจทก์ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จนกว่าจำเลยที่ 2 ที่ 4 จะดำเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จ
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ของบริษัทกุลเศรษฐศิริ จำกัดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบริษัทกุลเศรษฐศิริ จำกัด เจ้าของที่ดินพิพาทเดิมได้อุทิศที่ดินส่วนที่เป็นถนนและทางเท้าในบริเวณศูนย์การค้าวรรัตน์ให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยาย โดยไม่ถือสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินส่วนดังกล่าวอีกต่อไปแล้ว การอุทิศที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นหาจำต้องกระทำด้วยการอุทิศให้โดยชัดแจ้งแต่เพียงประการเดียวไม่ เมื่อคดีฟังได้ว่าบริษัทกุลเศรษฐศิริ จำกัด ได้อุทิศที่ดินส่วนที่เป็นถนนและทางเท้าในบริเวณศูนย์การค้าวรรัตน์ให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายในขณะที่บริษัทดังกล่าวยังเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทอยู่ ที่ดินส่วนดังกล่าวจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2)ตั้งแต่ก่อนธนาคารเอเซีย จำกัด และโจทก์ได้รับโอนที่ดินนั้นแล้วดังนั้นแม้ต่อมาธนาคารเอเซีย จำกัด ได้รับโอนที่ดินโฉนดเลขที่5232, 45193, 45195 และ 45197 จากบริษัทกุลเศรษฐศิริ จำกัดแล้วโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ เมื่อที่ดินส่วนที่เป็นถนนและทางเท้าในบริเวณศูนย์การค้าวรรัตน์เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก่อนแล้วธนาคารเอเซีย จำกัด และโจทก์ต่างจึงไม่อาจได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนดังกล่าวแต่อย่างใด การที่ธนาคารเอเซีย จำกัดชำระภาษีสำหรับที่ดินนั้นให้แก่ทางราชการก็ดี การที่ธนาคารเอเซียจำกัด หรือโจทก์อนุญาตให้บุคคลอื่นหรือทางราชการใช้ที่ดินดังกล่าวก็ดี หามีผลทำให้ถนนและทางเท้าในศูนย์การค้าวรรัตน์ซึ่งได้กลายสภาพเป็นทางสาธารณะ และเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปแล้วเปลี่ยนสภาพกลับคืนมาเป็นที่ดินของธนาคารเอเซีย จำกัด หรือโจทก์ได้ไม่เพราะธนาคารเอเซีย จำกัด หรือโจทก์ไม่อาจหวงแหนสงวนสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวได้
พิพากษายืน

Share