คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินใหม่ต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลจำเลยได้จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2533 อันเป็นวันสุดท้าย แต่โจทก์หาได้ดำเนินการดังกล่าวไม่กลับส่งคำร้องจะให้พิจารณาการประเมินใหม่ไปยังจำเลยโดยทางไปรษณีย์ และคำร้องดังกล่าวไปถึงจำเลยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2533 เกินกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยที่จะรับไว้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษมีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 สำหรับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2533 โจทก์ได้ยื่นแบบแจ้งรายการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ต่อมาวันที่ 2 ตุลาคม 2533 ได้รับแจ้งรายการประเมินค่ารายปีค่าภาษีประจำปี 2533 จากเจ้าหน้าที่ของจำเลย โจทก์เห็นว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินไม่ถูกต้อง จึงได้ยื่นคำร้องต่อคณะเทศมนตรีของจำเลยเพื่อขอให้พิจารณาการประเมินใหม่โดยนำคำร้องไปยื่นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2533 แต่เจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ยอมรับ อ้างว่าผู้บังคับบัญชาไม่อยู่ต้องเสนอผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาสั่งรับหรือไม่เสียก่อน ให้นำมายื่นใหม่ในวันถัดไปคือวันที่ 17 ตุลาคม 2533 การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ยอมรับคำร้องของโจทก์เนื่องจากคณะเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษมีความโกรธแค้นเกลียดชังโจทก์เพราะโจทก์สนับสนุนผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองศรีสะเกษฝ่ายตรงกันข้ามกับคณะเทศมนตรีชุดปัจจุบัน โจทก์เห็นว่า ถ้าหากโจทก์จะนำคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่มายื่นในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 17 ตุลาคม 2533คงจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ของจำเลยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ โดยอ้างว่าผู้บังคับบัญชาไม่อยู่ โจทก์จึงส่งคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ทางไปรษณีย์ แต่บังเอิญที่ทำการไปรษณีย์ปิดทำการเพราะหมดเวลาราชการโจทก์จึงส่งคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ทางไปรษณีย์ในวันที่17 ตุลาคม 2533 ปรากฏว่า พนักงานไปรษณีย์นำส่งให้แก่เทศบาลเมืองศรีสะเกษในวันที่ 18 ตุลาคม 2533 ซึ่งพ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ต่อมาจำเลยได้มีหนังสือแจ้งไม่รับคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ การที่คำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ของโจทก์ไปถึงจำเลยล่าช้า มิใช่เป็นพฤติการณ์ที่เป็นความผิดของโจทก์ แต่เกิดขึ้นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ของจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น ซึ่งถือได้ว่ากรณีมีพฤติการณ์พิเศษและสุดวิสัย ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยรับคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ของโจทก์ หรือมิฉะนั้นขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ของโจทก์ออกไปอีกตามที่ศาลเห็นสมควร
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยนำคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลย การที่โจทก์ส่งคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ทางไปรษณีย์ไปถึงจำเลยในวันที่ 18 ตุลาคม 2533ซึ่งเกินกำหนดระยะเวลาที่ยื่นคำร้องขอพิจารณาการประเมินใหม่เป็นความผิดของโจทก์เอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2533 โจทก์ได้รับใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินปี 2533 จากจำเลย โจทก์ไม่เห็นพ้องด้วยกับการกำหนดค่ารายปี จึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่โดยส่งคำร้องดังกล่าวไปยังจำเลยทางไปรษณีย์ในวันที่ 17 ตุลาคม 2533ปรากฏว่าคำร้องของโจทก์ส่งถึงจำเลยในวันที่ 18 ตุลาคม 2533ซึ่งเกินกำหนดเวลายื่นคำร้องตามกฎหมายไป 1 วัน จำเลยจึงไม่รับคำร้อง มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการที่โจทก์ส่งคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ไปยังจำเลยทางไปรษณีย์ในวันที่ 17 ตุลาคม 2533 แล้วพนักงานไปรษณีย์นำส่งให้แก่จำเลยในวันที่ 18 ตุลาคม 2533 ซึ่งพ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่แล้วถือได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือไม่เห็นว่า ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลภาษีอากรกลางได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ซึ่งศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของจำเลยกลั่นแกล้งไม่รับคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ของโจทก์ที่ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2533 ดังนี้ จึงเห็นได้ว่าโจทก์ย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2533อันเป็นวันสุดท้าย แต่โจทก์หาได้ดำเนินการดังกล่าวไม่ กลับส่งคำร้องจะให้พิจารณาการประเมินใหม่ไปยังจำเลยโดยทางไปรษณีย์ และคำร้องดังกล่าวไปถึงจำเลยเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2533 เกินกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยดังที่โจทก์อุทธรณ์ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน

Share