แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า “วันเลือกตั้ง” ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 บัญญัติในมาตรา 4 ให้หมายความถึงวันที่กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาแล้วแต่กรณี ซึ่งหมายถึงวันที่ให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปไม่ใช่วันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ ผู้ร้องย้ายทะเบียนบ้านจากจังหวัดสกลนครมาอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ยังไม่ครบ 90 วัน ผู้ร้องจึงมิใช่เป็นบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ยังคงเป็นบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนครอยู่ นอกจากนั้นตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2543 ข้อ 9 กำหนดว่าให้ใช้บัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้น ผู้ร้องก็มีหน้าที่ต้องไปเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร การที่ผู้ร้องจะไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์โดยไม่ไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร ซึ่งผู้ร้องมีชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ย่อมถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 68 วรรคสอง
การแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องแจ้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้งแต่งตั้งไว้ประจำแต่ละเขตเลือกตั้งซึ่งกรณีของผู้ร้องคือนายอำเภอเมืองสกลนครและต้องแจ้งภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ แม้ผู้ร้องอ้างว่าได้มีหนังสือแจ้งเหตุไปแล้ว แต่จ่าหน้าซองผิดโดยระบุชื่อผู้รับเป็น “ก.ก.ต.สกลนคร” แทนที่จะระบุว่าเป็นนายอำเภอเมืองสกลนครตามที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทำให้หนังสือแจ้งเหตุส่งไม่ถึงนายอำเภอเมืองสกลนครก็ดี และเมื่อล่วงพ้นเวลาแจ้งเหตุแล้ว ผู้ร้องได้มีหนังสือแจ้งเหตุต่อนายอำเภอเมืองสกลนคร อันเป็นการแสดงว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาหรือจงใจไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาก็ดี ไม่เป็นเหตุที่ถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 21, 22 ผู้ร้องจึงต้องเสียสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 68 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 23 (3)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ ๖ จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้คัดค้านมีคำสั่งไม่รับสมัครผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาและไม่ได้แจ้งเหตุที่ไม่ไปใช้สิทธิต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งเหตุ ความจริงผู้ร้องไปใช้สิทธิแล้วแต่ไม่มีชื่อผู้ร้องในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อีกทั้งผู้ร้องได้แจ้งเหตุที่ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งภายในกำหนดเวลาแล้ว ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านรับสมัครผู้ร้องและประกาศให้ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งสุดท้าย เป็นผลให้ผู้ร้องมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา ๖๘ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผู้ร้องย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๓ นับถึงวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๓ ผู้ร้องมีชื่อในทะเบียนบ้านดังกล่าวไม่ครบ ๙๐ วัน แต่เมื่อนับถึงการเลือกตั้งครั้งที่ ๒ผู้ร้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านดังกล่าวเกินกว่า ๙๐ วันแล้ว แต่ผู้ร้องมิได้ดำเนินการขอให้เพิ่มชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิเลือกตั้งที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้ร้องมีชื่อในทะเบียนบ้านอีกแห่งหนึ่งที่จังหวัดสกลนคร ผู้ร้องมิได้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่จังหวัดสกลนคร และผู้ร้องมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนครต่อบุคคลผู้รับแจ้งเหตุทั้งก่อนและหลังวันเลือกตั้ง หนังสือแจ้งเหตุหลังวันเลือกตั้งท้ายคำร้องมีพิรุธหลายประการ โดยผู้ร้องมีหนังสือแจ้งเหตุถึงนายอำเภอเมืองสกลนคร แต่จ่าหน้าซองจดหมายถึง “กกต.สกลนคร”ทั้งไม่ปรากฏว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสกลนครได้รับหนังสือแจ้งเหตุของผู้ร้องแต่อย่างใด แสดงว่าผู้ร้องมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดพิจารณาคำร้อง คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่าในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเขตเลือกตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ ๒๙เมษายน ๒๕๔๓ ผู้ร้องจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งวัดสามัคคีธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ไม่มีชื่อผู้ร้องในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องไม่ได้ตรวจบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง และมิได้ขอเพิ่มชื่อต่อนายทะเบียนท้องถิ่น ผู้ร้องทราบว่าจะต้องแจ้งเหตุการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายอำเภอเมืองสกลนครหรือปลัดเทศบาลเมืองสกลนคร ผู้ร้องแถลงว่าผู้ร้องได้ทำหนังสือแจ้งเหตุการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายอำเภอเมืองสกลนคร และทำคำร้องตามแบบ ส.ว.๓๐ ตามเอกสารหมาย ร.๑ และ ร.๒ รวมใส่ในซองเดียวกันจ่าหน้าซองถึง ก.ก.ต.สกลนคร จังหวัดสกลนคร ตามเอกสารหมาย ร.๓ ผู้ร้องมิได้จ่าหน้าซองและมิได้ส่งจดหมายเองซองจดหมายดังกล่าวไม่ปรากฏชื่อผู้ส่งและไม่ได้ลงทะเบียน จดหมายดังกล่าวถูกส่งกลับเพราะจ่าหน้าไม่ชัดเจน และตกค้างอยู่ที่ทำการไปรษณีย์กุฉินารายณ์ และต่อมาผู้ร้องได้ทำหนังสือลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ถึงประธานกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร และนายอำเภอเมืองสกลนคร โดยผู้ร้องยอมรับว่าหนังสือลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ล่วงเลยระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดในการที่จะแจ้งการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว ผู้คัดค้านแถลงว่าไม่รับข้อเท็จจริงตามเอกสารหมายร.๑ ร.๒ และ ร.๓ เพราะหากหนังสือดังกล่าวส่งถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสกลนครตามที่จ่าหน้าซอง คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสกลนครจะต้องได้รับหนังสือดังกล่าว และต้องเปิดซองจดหมายจากหลักฐานดังกล่าวแสดงว่าเอกสารดังกล่าวทำขึ้นในภายหลัง ศาลชั้นต้นเห็นว่ากรณีพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานและส่งสำนวนพร้อมความเห็นเบื้องต้นมายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในเบื้องต้นว่า เดิมผู้ร้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ ๕๐หมู่ที่ ๑๕ ตำบลธาตุนาเวง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนครเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๓ ผู้ร้องได้แจ้งย้ายมาอยู่บ้านเลขที่ ๔๗๐หมู่ที่ ๑๒ ตำบลบัวขาว อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในวันที่๒๙ เมษายน ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาใหม่ผู้ร้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งวัดสามัคคีธรรม หมู่ที่ ๑๒ ตำบลบัวขาว อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้ร้องไม่มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งวัดสามัคคีธรรมแต่ยังมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนครผู้ร้องจึงมิได้ลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งวัดสามัคคีธรรม และมิได้เดินทางไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสกลนครได้ประกาศรายชื่อผู้เสียสิทธิตามมาตรา ๖๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ส.ว.๓๒) ซึ่งผู้ร้องมีชื่อถูกประกาศเป็นผู้เสียสิทธิในบัญชีดังกล่าวด้วยปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามคำร้องคือว่า ผู้ร้องเสียสิทธิตามประกาศดังกล่าวหรือไม่ ข้อที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า ผู้ร้องเป็น “บุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้ง”หรือไม่ เห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๐๕ (๓)บุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งคือบุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน นับถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งคำว่า “วันเลือกตั้ง”ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๑ บัญญัติในมาตรา ๔ ให้หมายความถึงวันที่กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรหรือสมาชิกวุฒิสภาแล้วแต่กรณี ดังนั้น กรณีของการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๒ วันเลือกตั้งจึงหมายถึงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นวันที่ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไป แต่วันที่ ๒๙เมษายน ๒๕๔๓ เป็นเพียงวันลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาใหม่ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง วันลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาใหม่ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๓ เมื่อนับถึงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๓ผู้ร้องมีชื่อในทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ยังไม่ครบ ๙๐ วัน ผู้ร้องจึงมิใช่เป็นบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ยังคงเป็นบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนครอยู่ นอกจากนั้นตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๓ ข้อ ๙กำหนดว่าให้ใช้บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้น ไม่ว่าในการลงคะแนนในวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการเลือกตั้งทั่วไปวันที่๔ มีนาคม ๒๕๔๓ หรือในการลงคะแนนในวันลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาใหม่เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๓ ผู้ร้องก็มีหน้าที่ต้องไปเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร การที่ผู้ร้องจะไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดกาฬสินธุ์โดยไม่ไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดสกลนคร ซึ่งผู้ร้องมีชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ย่อมถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๖๘ วรรคสอง ข้อที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่าผู้ร้องแจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ตามมาตรา ๖๘ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่เห็นว่า ตามมาตรา ๒๑ วรรคแรก ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๑การแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องแจ้งต่อบุคคลซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้งแต่งตั้งไว้ประจำแต่ละเขตเลือกตั้ง สำหรับกรณีของผู้ร้องคือต้องแจ้งต่อนายอำเภอเมืองสกลนคร ส่วนกำหนดเวลาแจ้งของผู้ร้องกรณีนี้ตามมาตรา ๒๒ ผู้ร้องต้องแจ้งภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการเลือกตั้งประกาศรายชื่อผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุตามมาตรา ๒๑ เมื่อผู้ร้องมิได้ดำเนินการตามมาตรา ๒๑, ๒๒ จึงถือว่าผู้ร้องไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำให้ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ส่วนข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าได้มีหนังสือแจ้งเหตุตามเอกสารหมาย ร.๑ และ ร.๒ แล้วโดยใส่ในซองตามสำเนาเอกสารหมาย ร.๓ แต่บุคคลซึ่งดำเนินการส่งหนังสือให้ผู้ร้องจ่าหน้าซองตามสำเนาเอกสารหมาย ร.๓ โดยระบุผู้รับเป็น “ก.ก.ต.สกลนคร” แทนที่จะระบุว่าเป็นนายอำเภอเมืองสกลนครทำให้หนังสือแจ้งเหตุส่งไม่ถึงนายอำเภอเมืองสกลนครก็ดี และข้อที่ผู้ร้องอ้างว่า เมื่อล่วงพ้นเวลาแจ้งเหตุแล้วผู้ร้องได้มีหนังสือแจ้งเหตุต่อนายอำเภอเมืองสกลนคร อันเป็นการแสดงว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาหรือจงใจไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาก็ดี ไม่เป็นเหตุที่ถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๑มาตรา ๒๑, ๒๒ ผู้ร้องจึงต้องเสียสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา ๖๘ วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา๒๓ (๓) คำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่รับสมัครผู้ร้องให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งจึงชอบแล้ว
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง.