คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5044/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและเห็นว่าพยานจำเลยที่นำสืบมาแล้วฟังได้ว่าจำเลยไม่ยากจนมีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้อง จำเลยชอบที่จะขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน เมื่อจำเลยเลือกยื่นคำขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานมาแสดงเพิ่มเติม จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนอีกทางหนึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ มิได้บังคับว่า เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนนั้น ศาลจะต้องอนุญาต แต่เป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่ก็ได้แล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานที่จำเลยจะขอนำสืบเพิ่มเติม เป็นพยานหลักฐานเดิมที่จำเลยสามารถนำเข้าสืบได้ในชั้นไต่สวนคำร้องอยู่แล้ว แต่จำเลยไม่พยายามนำพยานหลักฐานดังกล่าวมาศาลโดยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวคดีให้ล่าช้า อันมีลักษณะประวิงคดีพฤติการณ์จึงไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมได้อีก

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์ปลูกสร้างสถานที่ค้าไม้มีกำหนด 20 ปี จะทำสัญญาเช่ากันครั้งละ 3 ปี จำเลยถมดินที่เช่าและปลูกสร้างสถานที่ค้าไม้เสียค่าใช้จ่ายไป 2,200,000บาท มีข้อตกลงว่าให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ สัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการเช่าให้จำเลย หากไม่ปฏิบัติให้ชำระค่าเสียหาย 2,200,000 บาท พร้อมกับยื่นคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยประกอบธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างและค้าไม้มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล จำเลยมีเจตนาที่จะประวิงคดีขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยนัดแรกวันที่ 15 มิถุนายน 2533 จำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 2 สิงหาคม 2533 เมื่อถึงวันนัดไต่สวนพยานจำเลยได้ 1 ปากแล้วจำเลยขอเลื่อนคดีอีก ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดไต่สวนคำร้องต่อวันที่ 21 กันยายน 2533 ครั้นถึงวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต และนัดฟังคำสั่งวันที่27 กันยายน 2533 แล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2533 ให้ยกคำร้องหากจำเลยประสงค์จะฟ้องแย้งต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาเสียภายใน 15 วัน
วันที่ 28 กันยายน 2533 จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยยังมีพยานหลักฐานอีก ขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏว่าจำเลยมีหลักฐานใด ๆที่อาจจะทำให้เห็นว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริง พอที่ศาลจะอนุญาตให้พิจารณาคำขอใหม่ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อศาลมีคำสั่งว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถาวันรุ่งขึ้นจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ เท่ากับจำเลยเลือกใช้สิทธิดังกล่าว การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งขอให้เลื่อนการไต่สวนอีกทางหนึ่งไม่ชอบ ไม่รับวินิจฉัย ส่วนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่พฤติการณ์ของจำเลยเข้าลักษณะประวิงคดี ไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคำขอใหม่ พิพากษายืน หากจำเลยยังติดใจดำเนินคดีอย่างคนอนาถา(น่าจะเป็นฟ้องแย้ง) ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาประการแรกว่า ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า กรณีที่มีการยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นใด หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วน หรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ถ้าผู้ยื่นคำขอประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับคำขอนั้น ก็มีสิทธิที่จะเลือกกระทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสี่หรือวรรคห้า กล่าวคือ อาจยื่นคำขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามมาตรา 156 วรรคสี่ หรือถ้าไม่ประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาตามวิธีดังกล่าวนี้ จะเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปภายในเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่งตามมาตรา 156 วรรคห้า ก็ได้ กรณีคดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนการไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาวันที่27 กันยายน 2533 รุ่งขึ้นวันที่ 28 กันยายน 2533 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง วันที่ 12 ตุลาคม 2533 จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และอุทธรณ์คำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและเห็นว่าพยานจำเลยที่นำสืบมาแล้วฟังได้ว่าจำเลยไม่ยากจนมีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้องจำเลยชอยที่จะขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน เมื่อจำเลยเลือกยื่นคำขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานมาแสดงเพิ่มเติม ดังนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนไต่สวนอีกทางหนึ่ง อุทธรณ์ประเด็นนี้จึงไม่ชอบศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว
คงมีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่า สมควรอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนตามที่จำเลยร้องขอหรือไม่เห็นว่า การร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่นั้นกฎหมายมิได้บังคับว่า เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องขอดังกล่าวมาแล้ว ศาลจะต้องอนุญาต แต่เป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี คดีนี้ ในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานบุคคลไว้ 3 ปากและขอเลื่อนคดีในนัดแรก นัดต่อมาจำเลยนำพยานบุคคลเข้าไต่สวนได้เพียง 1 ปาก แล้วขอเลื่อนคดี ครั้นนัดต่อมาจำเลยก็ขอเลื่อนคดีอีกศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์ประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ และมีคำสั่งว่า ไม่เชื่อว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริง ให้ยกคำร้อง การที่จำเลยยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นในวันรุ่งขึ้นว่า จำเลยยังมิได้นำพยานมาไต่สวนได้หมดเพราะศาลสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี จำเลยยังมีพยานหลักฐานอีกหากศาลเปิดโอกาสให้จำเลยได้นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลทั้งหมดแล้ว คดีย่อมฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนยากจนจริงนั้น เห็นได้ชัดว่าพยานหลักฐานที่จำเลยจะขอนำสืบเพิ่มเติมเป็นพยานหลักฐานเดิมที่จำเลยสามารถนำเข้าสืบได้ในชั้นไต่สวนคำร้องอยู่แล้วแต่จำเลยไม่พยายามนำพยานหลักฐานดังกล่าวมาศาลโดยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวคดีให้ล่าช้า อันมีลักษณะประวิงคดีพฤติการณ์จึงไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมได้อีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share