คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3423/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้เจ้ามรดกจะมีความประสงค์หรือเจตนารมณ์ที่จะนำทรัพย์สินที่ชาวบ้านมาถวายไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุก็ตามแต่เจ้ามรดกก็ไม่ได้ทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เพียงแต่แสดงเจตนาไว้เท่านั้น ดังนั้น ความประสงค์หรือเจตนารมณ์ของเจ้ามรดกที่จะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุหลังจากมรณภาพแล้วจึงไม่เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมาย และด้วยเหตุนี้ทรัพย์สินทุกอย่างไม่ว่าจะได้มาโดยทางใดรวมทั้งทรัพย์สินที่ชาวบ้านถวายเพื่อทำบุญสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุก็เป็นทรัพย์สินที่เจ้ามรดกได้มาเพราะเป็นพระภิกษุโดยตรง เมื่อเจ้ามรดกมรณภาพในขณะเป็นพระภิกษุโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร ทรัพย์สินของเจ้ามรดกนั้นย่อมตกได้แก่วัดผู้ร้องที่พระภิกษุนั้นมีภูมิลำเนา เมื่อผู้คัดค้านถอนเงินมรดกของเจ้ามรดกซึ่งตามกฎหมายจะต้องตกได้แก่วัดผู้ร้องโดยผู้คัดค้านมิได้นำไปให้วัดผู้ร้องแต่กลับนำไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุ เมื่อผู้ร้องทวงถามในฐานะเป็นเจ้าของผู้คัดค้านไม่ยอมส่งมอบ ทั้งไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเป็นการละเลยต่อหน้าที่จึงสมควรถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดก

ย่อยาว

คดีนี้เดิมวัดหาดเสี้ยว ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของพระมหาทองปอน อตถโกสโลหรืออัตถโกสโลหรือวัฒนอัมพรผู้มรณภาพ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่าผู้คัดค้านได้ถอนเงินฝากอันเป็นมรดกของพระมหาทองปอนที่ฝากไว้ในธนาคาร 4 แห่ง รวมเป็นเงิน1,666,999.80 บาท ออกจากธนาคารแล้วมิได้ส่งมอบเงินนั้นและสลากออมสินพิเศษมรดกมูลค่า 129,920 บาท ให้แก่ผู้ร้อง ซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้มรณภาพ ทั้งมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกตามกฎหมาย เป็นการละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ ขอให้สั่งถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้มรณภาพ และตั้งพระครูสุธรรมนิเทศ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดผู้ร้อง เป็นผู้จัดการมรดกแทน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า พระครูสุธรรมนิเทศไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนผู้ร้อง เพราะคำสั่งแต่งตั้งพระครูสุธรรมนิเทศให้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎมหาเถรสมาคม ผู้คัดค้านได้รวบรวมทรัพย์มรดกและจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกแล้ว ที่ยังไม่ได้ส่งบัญชีเพราะคดียังไม่ถึงที่สุด และมรดกของผู้มรณภาพมีหนี้สินผูกพันเกี่ยวกับการสร้างพระเจดีย์ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุผู้คัดค้านจึงดำเนินการต่อจนแล้วเสร็จตามความประสงค์ของเจ้ามรดกถือว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดกของพระมหาทองปอน อตถโกสโล หรือ อัตถโกสโลผู้มรณภาพและตั้งพระครูสุธรรมนิเทศเป็นผู้จัดการมรดกแทน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามที่ผู้คัดค้านฎีกามีว่า มีเหตุสมควรถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดก และตั้งพระครูสุธรรมนิเทศ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า เงินสดของเจ้ามรดกที่ถอนไปจากธนาคาร ผู้คัดค้านได้นำไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุตามความประสงค์หรือเจตนารมณ์ของเจ้ามรดก เห็นว่า แม้เจ้ามรดกจะมีความประสงค์หรือเจตนารมณ์ดังที่ผู้คัดค้านฎีกาก็ตาม แต่เจ้ามรดกก็ไม่ได้ทำพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้เพราะคดีได้ความว่าเจ้ามรดกเพียงแต่แสดงเจตนาไว้เท่านั้น ดังนั้น ความประสงค์หรือเจตนารมณ์ของเจ้ามรดกที่จะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุหลังจากมรณภาพแล้วจึงไม่เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายและด้วยเหตุนี้ทรัพย์สินทุกอย่างไม่ว่าจะได้มาโดยทางใด รวมทั้งทรัพย์สินที่ชาวบ้านถวายเพื่อทำบุญสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุก็เป็นทรัพย์สินที่เจ้ามรดกได้มาเพราะเป็นพระภิกษุโดยตรง เมื่อเจ้ามรดกมรณภาพในขณะเป็นพระภิกษุอยู่โดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ใคร ทรัพย์สินของเจ้ามรดกนั้นย่อมตกได้แก่วัดผู้ร้องที่พระภิกษุนั้นมีภูมิลำเนาประกอบกับข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้คัดค้านถอนเงินมรดกของเจ้ามรดกซึ่งตามกฎหมายจะต้องตกได้แก่วัดผู้ร้อง แต่ผู้คัดค้านมิได้นำไปให้วัดผู้ร้อง แต่กลับนำไปสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนธาตุ เมื่อผู้ร้องทวงถามในฐานะเป็นเจ้าของผู้คัดค้านไม่ยอมส่งมอบทั้งไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเป็นการละเลยต่อหน้าที่ จึงสมควรถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนวัดผู้ร้องนั้นได้ความว่าเป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกนับว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งไม่ปรากฏว่าพระครูสุธรรมนิเทศเป็นบุคคลที่ต้องห้ามตามกฎหมาย กลับได้ความว่าเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสผู้ร้องซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกและปรากฏว่ายังมีเงินฝากของเจ้ามรดกอยู่ในธนาคาร และสลากออมสินพิเศษ จึงสมควรตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก
พิพากษายืน

Share