คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3295/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 1 เป็นสมาชิกและคณะกรรมการดำเนินการของจำเลยการที่โจทก์ที่ 1 ทำหนังสือยอมรับมติของคณะกรรมการดำเนินการของจำเลยในการเลิกจ้างนางสาว ก. และรับว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆทางกฎหมายอีกนั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ที่ 1 กับคณะกรรมการดำเนินการของจำเลย การที่นางสาว ก. ฟ้องจำเลยในเรื่องเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและเรียกค่าเสียหายนั้นก็เป็นสิทธิส่วนตัวของนางสาว ก. โจทก์ไม่มีอำนาจบังคับนางสาว ก. มิให้ฟ้องคดีการที่นางสาว ก. ฟ้องจำเลยยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ที่ 1 แสดงตนเป็นปรปักษ์หรือไม่ซื่อตรงต่อจำเลยหรือทำให้จำเลยได้รับความเสียหายมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการจำเลยที่ให้ถอดถอนสมาชิกภาพของโจทก์ที่ 1 จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ประชุมคณะกรรมการดำเนินการครั้งที่ 2(10)/2531 และมีมติถอดถอนสมาชิกภาพของโจทก์ทั้งสองโดยอ้างเหตุว่าโจทก์ทั้งสองทำการไม่ซื่อตรงหรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ของจำเลย ตามข้อบังคับ พ.ศ. 2518ข้อ 13(9) การลงมติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรมขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการของจำเลยครั้งที่ 2(10)/2531
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า ที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการครั้งที่ 2(10)/2531 ถอดถอนสมาชิกภาพของโจทก์ทั้งสองเนื่องจากโจทก์ที่ 1 ได้ให้คำมั่นต่อที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการว่าโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นสามีนางสาวเกษมศานต์ขอยอมรับมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการในการเลิกจ้างนางสาวเกษมศานต์ โดยจำเลยยอมจ่ายเงินทดแทนให้ 6 เดือน และจะแจ้งให้นางสาวเกษมศานต์มารับเงินไป กับจะไม่ให้มีปัญหาอีก หลังจากรับเงินแล้วนางสาวเกษมศานต์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลาง โจทก์ทั้งสองไปเบิกความเป็นพยานฝ่ายนางสาวเกษมศานต์เป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยทั้ง ๆ ที่โจทก์ทั้งสองเป็นคณะกรรมการดำเนินการและร่วมประชุมลงมติเลิกจ้างนั้นซึ่งหากเห็นว่าคณะกรรมการดำเนินการทำไม่ถูกต้อง ก็ชอบที่จะแจ้งให้คณะกรรมการดำเนินการทบทวนมติดังกล่าวได้ พฤติการณ์ของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการไม่ซื่อตรง หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือประโยชน์ของจำเลย ทั้งโจทก์ที่ 1 ไม่สามารถระงับการฟ้องคดีของนางสาวเกษมศานต์ และไม่แจ้งต่อคณะกรรมการดำเนินการเพื่อหาทางแก้ไข การกระทำของโจทก์ทั้งสองเป็นการสมคบกันหลอกลวง โดยปกปิดข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการดำเนินการ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการดำเนินการของจำเลยครั้งที่ 2(10)/2531
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปมีว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการครั้งที่ 2(10)/2531 ชอบด้วยข้อบังคับของจำเลยและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ซึ่งจำเลยฎีกาเฉพาะการกระทำของโจทก์ที่ 1 เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ที่ 1และจำเลยนำสืบฟังต้องกันว่า คณะกรรมการดำเนินการของจำเลยลงมติให้ถอดถอนสมาชิกภาพของโจทก์ที่ 1 ด้วยข้อหาว่า โจทก์ที่ 1แสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยหรือกระทำการอันเป็นเหตุให้เห็นว่าไม่ซื่อตรงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือประโยชน์ของจำเลยตามข้อบังคับที่ 13(8)(9) โดยโจทก์ที่ 1 ทำหนังสือยอมรับมติของคณะกรรมการดำเนินการในการเลิกจ้างนางสาวเกษมศานต์ และรับว่าจะไม่ให้มีปัญหาใด ๆ ทางกฎหมายอีก ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1แต่ต่อมาปรากฏว่านางสาวเกษมศานต์ฟ้องจำเลยในข้อหาเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม เห็นว่าการที่โจทก์ที่ 1 ทำหนังสือยอมรับมติของคณะกรรมการดำเนินการในการเลิกจ้างนางสาวเกษมศานต์ตามเอกสารหมาย ล.1 นั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ที่ 1 กับคณะกรรมการดำเนินการของจำเลย นางสาวเกษมศานต์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ประกอบกับการฟ้องคดีของนางสาวเกษมศานต์เป็นสิทธิส่วนตัว โจทก์ที่ 1ไม่มีอำนาจที่จะบังคับไม่ให้นางสาวเกษมศานต์ฟ้องคดีได้ ส่วนจำเลยมีทนายความเป็นที่ปรึกษาอยู่ด้วยน่าจะรู้ถึงความข้อนี้ดีและควรหาทางแก้ไขอย่างอื่นมากกว่าการกล่าวโทษว่าโจทก์ที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ซึ่งโจทก์ที่ 1 อาจดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ได้ พฤติการณ์ของโจทก์ที่ 1 ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ที่ 1 แสดงตนเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ซื่อตรงต่อจำเลย หรือทำให้จำเลยเสียหายอันเป็นเหตุให้ที่ประชุมลงมติถอดถอนสมาชิกภาพของโจทก์ที่ 1มติของที่ประชุมดังกล่าวจึงไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการดำเนินการของจำเลยครั้งที่ 2(10)/2531 เฉพาะที่เกี่ยวกับมติที่ให้ถอดถอนสมาชิกภาพของโจทก์ทั้งสองนั้นชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share