คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขับรถของโจทก์ไปราชการแล้วสูญหายไปทั้งจำเลยและรถ โดยโจทก์ไม่มีพยานยืนยันให้รับฟังได้ว่ารถของโจทก์สูญหายไปเพราะการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยโจทก์ฎีกาว่าจำเลยเอารถของโจทก์ไปใช้ส่วนตัวมิใช่เป็นการใช้ในราชการหรือได้รับอนุญาตให้เอาไปใช้โดยจำเลยไม่มีเหตุจะอ้างได้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ปิกอัพคันหมายเลขทะเบียนน-3922 สุรินทร์ ใช้ในราชการ จำเลยรับราชการในกรมโจทก์ จำเลยนำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้ส่วนตัวของจำเลยโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาเป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวสูญหายเพราะความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลย เป็นการกระทำละเมิดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน119,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยโดยนายวิชัย อิ่มสมบูรณ์ ผู้จัดการทรัพย์ของผู้ไม่อยู่(จำเลย) ให้การว่า ขณะที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการจำเลยได้ขับรถยนต์ปิกอัพตามฟ้องและหายสาบสูญไปทั้งจำเลยและรถคันดังกล่าวจำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขับรถของโจทก์ไปราชการแล้วสูญหายไปทั้งจำเลยและรถ โดยยังไม่ทราบว่าขณะนี้ทั้งจำเลยและรถอยู่ ณ ที่ใดโดยโจทก์ไม่มีพยานยืนยันให้รับฟังได้ว่าที่รถของโจทก์สูญหายไปดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลย โจทก์ฎีกาโต้เถียงว่าจำเลยเอารถของโจทก์ไปใช้ส่วนตัวมิใช่เป็นการใช้ในราชการหรือได้รับอนุญาตให้เอาไปใช้ โดยจำเลยไม่มีเหตุจะอ้างได้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share