คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทุนทรัพย์ในชั้นร้องขัดทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ผู้ร้องฎีกาว่าตามพฤติการณ์ต้องฟังว่า รถยนต์พิพาทที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้น ผู้ร้องรับโอนมาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและรับโอนมาโดยไม่มีพิรุธ เป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาทั้งสิ้นซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ร้องมาโดยไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจาก เจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 20-0669 สมุทรสาคร พร้อมอุปกรณ์จากจำเลยเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถยนต์บรรทุกที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า รถยนต์บรรทุกเป็นของจำเลย จำเลยโอนรถยนต์บรรทุกให้แก่ผู้ร้องโดยไม่สุจริตเป็นการฉ้อฉล ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ปล่อยรถยนต์บรรทุกที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่าตามพฤติการณ์ต้องฟังว่ารถยนต์พิพาทที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นผู้ร้องรับโอนมาโดยสุจริตฟังมาทั้งสิ้น คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ร้องมาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษากลับให้ยกฎีกาของผู้ร้อง

Share