แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่า โจทก์มอบอำนาจให้ ป. และ ส.ฟ้องคดีนี้ เพียงแต่สำเนาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องกลับระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องบุคคลอื่นไม่ใช่จำเลย แต่ต่อมาในระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นได้อนุญาตตามคำร้องของโจทก์ให้โจทก์ส่งหนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องได้ อันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66 สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว และโจทก์ได้แก้ไขแล้ว ฟ้องโจทก์และกระบวนพิจารณาทั้งหมดของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำธุรกิจเกี่ยวกับการประกันภัยและได้รับอนุญาตให้ประกอบการประกันภัยในประเทศไทย โจทก์มอบอำนาจให้นายปรีชา สวัสดี และนายสัมพันธ์ อึ้งตระกูล ฟ้องคดีขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชดใช้เงินจำนวน 74,413 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะตามหนังสือมอบอำนาจ โจทก์มอบอำนาจให้นายปรีชา สวัสดี และนายสัมพันธ์ อึ้งตระกูล ฟ้องนางอวยพร พยัคฆิน ต่อศาลจังหวัดชุมพร ไม่ได้มอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยทั้งสามที่ศาลแพ่งขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การทำนองเดียวกันว่า นายปรีชา สวัสดีและนายสัมพันธ์ อึ้งตระกูล ไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีนี้ ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้อง โจทก์มอบอำนาจให้นายปรีชาและนายสัมพันธ์ฟ้องนางอวยพร พยัคฆิน ต่อศาลจังหวัดชุมพร ดังนั้นนายปรีชาและนายสัมพันธ์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2ศาลชั้นต้นอนุญาต ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า ตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้นายปรีชา สวัสดี และนายสัมพันธ์ อึ้งตระกูล ฟ้องจำเลย แม้โจทก์ได้ขอแก้ไขภายหลังก็เป็นการขัดต่อกฎหมายและไม่ทำให้โจทก์กลับมีอำนาจฟ้อง ทั้งเป็นการแก้ไขเมื่อพ้นกำหนดอายุความ 1 ปีแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายแล้วว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายปรีชา สวัสดีและนายสัมพันธ์ อึ้งตระกูล ฟ้องคดีนี้ เพียงแต่สำเนาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องกลับระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องบุคคลอื่นไม่ใช่จำเลย แต่เมื่อต่อมาในระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นได้อนุญาตตามคำร้องของโจทก์ให้โจทก์ส่งหนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องได้ อันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66 สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวและโจทก์ได้แก้ไขแล้ว ฟ้องโจทก์และกระบวนพิจารณาทั้งหมดของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย”
พิพากษายืน