คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายได้รับการจัดสรรจากทางราชการให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาท แต่ยังไม่เคยได้เข้าครอบครองทำประโยชน์แต่อย่างใด เพราะจำเลยทั้งสองครอบครองอยู่ก่อนและไม่ยอมออกไป การที่จำเลยทั้งสองครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อนแล้วและไม่ยอมออกไปจากที่พิพาทเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365, 83 ริบของกลาง และบวกโทษจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลรอการลงโทษไว้ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365(2) จำคุกคนละ 1 ปี ริบของกลางบวกโทษจำเลยที่ 1 ที่ศาลรอการลงโทษไว้ด้วย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้เสียหายเพียงแต่ได้รับการจัดสรรจากทางราชการให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาท แต่ยังไม่เคยได้เข้าครอบครองทำประโยชน์แต่อย่างใด เพราะจำเลยทั้งสองครอบครองอยู่ก่อนและไม่ยอมออกไป การที่จำเลยทั้งสองครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อนแล้วและไม่ยอมออกไปจากที่พิพาทเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share