แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่โจทก์ซื้อสิทธิเรียกร้องจากลูกค้าด้วยเงินสดโดยรับโอนสิทธิเรียกร้องจากลูกค้าและให้ลูกค้าค้ำประกันการเรียกเก็บเงินตามสิทธิเรียกร้องนั้นเมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามสิทธิเรียกร้องที่รับโอนจากลูกหนี้ไม่ได้ลูกค้าโจทก์ยังต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์เท่าจำนวนที่ยังเรียกเก็บไม่ได้และในการรับซื้อสิทธิเรียกร้องโจทก์รับซื้อในราคาต่ำกว่าราคาสิทธิเรียกร้องกิจการของโจทก์จึงเป็นกิจการให้กู้ยืมเงินโดยส่วนต่างของราคาสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ได้รับก็คือดอกเบี้ยนั่นเองกิจการของโจทก์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์หาใช่เข้าลักษณะเป็นการรับจัดธุรกิจให้ผู้อื่นตามประเภทการค้า1นายหน้าและตัวแทนไม่โจทก์จึงมีหน้าที่ชำระภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภท12ธนาคาร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ชำระภาษีการค้าไว้แล้วตามประเภทการค้า12 คือ การประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ แต่จำเลยแจ้งให้โจทก์ชำระภาษีการค้าตามประเภทการค้า 10 คือ ตัวแทนและนายหน้าโจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือแจ้งการประเมินภาษีการค้าและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยให้การว่า การประเมินภาษีการค้าตามประเภทการค้า 10ตัวแทนและนายหน้าของเจ้าพนักงานประเมินรวมทั้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานตามหนังสือแจ้งภาษีการค้า เลขที่ 1082/3/03917 และ1080/3/03918 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2533 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เลขที่ 204 ก./2537/1 และ204ข./2527/1 ลงวันที่ 25 กันยายน 2535 (ที่ถูกต้องคือลงวันที่15 มิถุนายน 2537)ให้จำเลยคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เลขที่ 043-35/156ลงวันที่ 25 กันยายน 2535 ให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาตามอุทธรณ์จำเลยมีว่า การประกอบกิจการของโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคาร หรือประเภทการค้า 10 นายหน้าและตัวแทน จำเลยอุทธรณ์ว่า การประกอบกิจการค้าของโจทก์ไม่เข้ากรณีที่จะต้องเสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคาร เพราะโจทก์ตั้งบริษัทโดยจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย มิได้ถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติเฉพาะดังเช่นกิจการเครดิตฟองซิเอร์ ไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย การส่งงบดุลประจำปีก็ส่งต่อกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น มิได้ส่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย การประกอบกิจการของโจทก์แตกต่างกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ลูกค้าโจทก์เป็นนิติบุคคลทั้งหมด โจทก์ไม่มีกิจการรับฝากเงินจากลูกค้าและนำปล่อยหาประโยชน์ โจทก์มีแหล่งเงินจากการจดทะเบียนของตนเอง และจากการกู้เงินจากธนาคาร การประกอบธุรกิจธนาคารหรือเยี่ยงธนาคารต้องมีการควบคุมเป็นพิเศษมากกว่าการประกอบการพาณิชย์อื่น ๆ การเสียภาษีจึงอยู่ในอัตราแตกต่างจากกิจการอื่นการประกอบกิจการของโจทก์จึงไม่ใช่การประกอบการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคาร การประกอบกิจการค้าของโจทก์ต้องเสียภาษีตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 10นายหน้าและตัวแทน เพราะสัญญาที่โจทก์กับลูกค้าทำไว้ต่อกันมีระบุไว้ชัดเจนว่า ลูกค้าขายสิทธิเรียกร้องแก่โจทก์ตกลงให้โจทก์ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องมีสิทธิเรียกร้องให้ลูกค้าผู้โอนสิทธิเรียกร้องชำระค่าเสียหายเท่ากับจำนวนหนี้ที่ลูกหนี้ไม่ชำระ ลักษณะการดำเนินกิจการของโจทก์ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับลูกค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 เพราะการติดตามเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ โจทก์ใช้หลักฐานใบเสร็จรับเงินจากลูกค้า ใบเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ และโจทก์ยังกันเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทนลูกค้าไว้เพื่อประกันการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ลูกค้าโจทก์ยังคงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในกรณีที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ไม่ตรงตามเวลา ไม่ได้รับชำระหนี้หรือรับชำระหนี้ไม่ครบ คำว่านายหน้าและตัวแทนตามประมวลรัษฎากรได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่าให้หมายถึงการรับทำการค้าเป็นนายหน้าตัวแทน ผู้ทอดตลาดหรือรับจัดธุรกิจให้ผู้อื่นการประกอบกิจการของโจทก์เป็นการใช้สิทธิแทนลูกค้าของโจทก์เพื่อเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้และได้รับผลตอบแทนในการดำเนินกิจการดังกล่าวเป็นลักษณะการรับจัดการธุรกิจให้ผู้อื่นตามประเภทการค้า 10 นายหน้าและตัวแทน จึงต้องเสียภาษีอัตราร้อยละ 5.5 ของยอดรายรับนั้น เห็นว่าการที่โจทก์ซื้อสิทธิเรียกร้องจากลูกค้าด้วยเงินสดโดยรับโอนสิทธิเรียกร้องจากลูกค้าและให้ลูกค้าค้ำประกันการเรียกเก็บเงินตามสิทธิเรียกร้องนั้น เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามสิทธิเรียกร้องที่รับโอนจากลูกหนี้ไม่ได้ ลูกค้าโจทก์ยังต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์เท่าจำนวนที่ยังเรียกเก็บไม่ได้และในการรับซื้อสิทธิเรียกร้องโจทก์รับซื้อในราคาต่ำกว่าราคาสิทธิเรียกร้อง กิจการของโจทก์จึงเป็นกิจการให้กู้ยืมเงินโดยส่วนต่างของราคาสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ได้รับก็คือดอกเบี้ยนั้นเอง กิจการของโจทก์ตามคำฟ้องจึงถือได้ว่าเป็นกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ โจทก์มีหน้าที่ชำระภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 12 ธนาคารและได้ชำระภาษีการค้าประเภทการค้าดังกล่าวไว้ถูกต้องแล้วการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 10 นายหน้าและตัวแทนจึงไม่ชอบ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน