คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สถานีรถไฟที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านหากเจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้รับข้อมูลจากสายลับแล้วก็ยากที่จะจับคนร้ายได้เมื่อจำเลยเป็นผู้หิ้วกระเป๋าหนังสีดำซึ่งภายในมีเสื้อผ้าของจำเลยและเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่โดยเฉพาะม้านั่งที่จำเลยนั่งและนำกระเป๋าไปวางนั้นไม่มีบุคคลอื่นใดนั่งปะปนอยู่ด้วยประกอบกับหลังจากทำบันทึกการจับกุมแล้วได้มีการถ่ายรูปจำเลยพร้อมของกลางไว้เป็นหลักฐานจึงน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมด้วยความสมัครใจหาใช่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจบังคับให้ลงชื่อในบันทึกจับกุมโดยยังไม่ได้กรอกข้อความไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4 ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน2522 ข้อ 1(1) ริบเฮโรอีนและกระเป๋าหนังสีดำของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ให้ประหารชีวิตจำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52(1)ริบเฮโรอีนและกระเป๋าหนังสีดำของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้เฮโรอีนของกลางซึ่งซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าหนังสีดำของกลาง มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีนายดาบตำรวจเฉลิมศักดิ์และจ่าสิบตำรวจณรงค์ผู้ร่วมจับกุมเบิกความทำนองเดียวกันว่า สืบเนื่องจากนายดาบตำรวจเฉลิมศักดิ์ได้รับแจ้งจากสายลับในเช้าวันเกิดเหตุว่าจะมีคนร้ายขนยาเสพติดให้โทษไปกับขบวนรถไฟสายใต้ ผู้บังคับบัญชาจึงมีคำสั่งให้กระจายกำลังออกตรวจทั่วบริเวณสถานีรถไฟกรุงเทพ พยานทั้งสองออกตรวจจนกระทั่งเวลา 9.30 นาฬิกา ก็เห็นจำเลยนี้มีลักษณะรูปพรรณและสัมภาระติดตัวตรงตามที่สายลับแจ้งไว้กำลังหิ้วกระเป๋าหนังสีดำเดินผ่านหน้าห้องจำหน่ายตั๋วไปนั่งยังที่พักผู้โดยสารในบริเวณนั้น จำเลยวางกระเป๋าหนังไว้ข้างตัวแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน เมื่อเห็นพยานทั้งสองกับพวกเดินเข้าไปหาจำเลยก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินหนี แต่ถูกขัดขวางไว้ก่อน จากการสอบถามจำเลยยอมรับว่ากระเป๋าหนังนั้นเป็นของตน เมื่อพยานทั้งสองค้นก็พบว่ามีเฮโรอีนของกลางซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าหนังสีดำนั้นจึงควบคุมตัวจำเลยไว้ดำเนินคดีโดยกล่าวหาเป็นคดีนี้ จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมตามเอกสารหมาย จ.1 เห็นว่า สถานีรถไฟที่เกิดเหตุเป็นสถานที่มีผู้คนพลุกพล่าน หากพยานโจทก์ไม่ได้รับข้อมูลจากสายลับแล้วก็ยากที่จะจับคนร้ายได้ ส่วนกระเป๋าหนังสีดำนั้นพยานโจทก์ยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้หิ้วติดตัวมา ปรากฏว่าภายในมีเสื้อผ้าของจำเลย นอกจากนี้ยังได้ความจากพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวว่าม้านั่งที่จำเลยนั่งอยู่และนำกระเป๋าไปวางนั้นไม่มีบุคคลอื่นใดนั่งปะปนอยู่ด้วย ทั้งหลังจากบันทึกการจับกุมแล้วเจ้าพนักงานตำรวจได้ถ่ายรูปจำเลยพร้อมของกลางไว้เป็นหลักฐานตามภาพถ่ายหมาย จ.2 ในเบื้องต้นจึงน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมด้วยความสมัครใจ เพราะมีหลักฐานมัดตัวจำเลยอยู่ หาใช่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจบังคับให้ลงชื่อในบันทึกจับกุมโดยยังไม่ได้กรอกข้อความไม่ ส่วนที่จำเลยเบิกความว่าพนักงานสอบสวนพิมพ์คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนโดยถือตามคำบอกของสิบตำรวจโทขุนแผน รัตนเพชร แล้วขู่เข็ญให้จำเลยลงชื่อโดยไม่ได้อ่านให้ฟังนั้น ได้ความจากสิบตำรวจโทขุนแผนว่าสิบตำรวจโทขุนแผนเป็นเพียงผู้ร่วมจับกุมและเขียนบันทึกการจับกุมเท่านั้นจำเลยมิได้ถามค้านพยานโจทก์ในข้อนี้ ทั้งเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่พนักงานสอบสวนจะใช้วิธีการสอบสวนจะใช้วิธีการสอบคำให้การเช่นนั้น ตามเนื้อหาคำให้การจำเลยในชั้นสอบสวนก็เป็นเรื่องให้การภาคเสธหาใช่เป็นคำให้การรับสารภาพไม่ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยให้การชั้นสอบสวนโดยสมัครใจเช่นกัน อนึ่ง ตามที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่า วันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจยึดกระเป๋าหนังสีดำได้จากขบวนรถไฟ ซึ่งวางอยู่บนชั้นวางของในตำแหน่งที่จำเลยนั่งรอจะเข้าห้องน้ำโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยเมื่อจำเลยปฏิเสธ เจ้าพนักงานตรวจจึงเอาเสื้อผ้าของจำเลยในถุงกระดาษไปใส่รวมในไว้ในกระเป๋าหนังสีดำแล้วกล่าวหาจำเลยเป็นคดีนี้นั้น แตกต่างกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.10 ซึ่งให้การว่า จำเลยได้รับการติดต่อจากชายไม่ทราบชื่อคนหนึ่งให้นำกระเป๋าหนังสีดำดังกล่าวไปลงที่จังหวัดยะลาโดยเสนอค่าจ้างให้ 15,000 บาท แต่ถูกจับเสียก่อนและไม่ทราบว่าภายในกระเป๋ามีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ทั้งตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นบริเวณที่พักผู้โดยสารหน้าห้องจำหน่ายตั๋ว หาใช่บนขบวนรถไฟไม่ ข้อนำสืบต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นพิรุธไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือพยานหลักฐานโจทก์ดังวินิจฉัยมาข้างต้นมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองกระเป๋าหนังสีดำของกลางดังกล่าวโดยรู้อยู่ว่าภายในมีเฮโรอีนของกลางซุกซ่อนอยู่ เมื่อเฮโรอีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป จึงถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยมีความผิดตามฟ้องศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share