แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานศาลส่งคำบังคับให้จำเลยโดยวิธีปิดคำบังคับตามคำสั่งศาลที่ภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อวันที่27พฤศจิกายน2537ถือได้ว่าเป็นการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยชอบแล้วเมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ก็จะต้องยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลภายในกำหนด15วันนับแต่วันที่12ธันวาคม2537ซึ่งเป็นวันที่การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยมีผลตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคหนึ่งคือจำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่27ธันวาคม2537แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่10กุมภาพันธ์2538ซึ่งเกินกำหนด15วันล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้จึงขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้และการที่จำเลยได้หลบหนี้คดีอาญาไปเสียจากภูมิลำเนาของจำเลยเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยเองจึงจะนำมาอ้างว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ไม่แม้จำเลยจะอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องและมีการส่งคำบังคับให้จำเลยเมื่อถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วซึ่งนับแต่เมื่อทราบดังกล่าวถึงวันยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ยังไม่ครบกำหนด15วันก็ตามแต่กรณีดังกล่าวไม่เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้เสียแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่โดยเหตุนี้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 2,004,975 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 1,876,000 บาท นับแต่วันที่ 7 เมษายน 2537 ซึ่งเป็นวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งที่ 2 เป็นเงิน 180,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี นับแต่วันที่ 12 เมษายน 2536 อันเป็นวันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ (ดอกเบี้ย คิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 12,375 บาท) และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดเป็นค่าทนายความ5,000 บาท ศาลชั้นต้นออกคำบังคับและออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้แล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า จำเลยฆ่านายอำนวย สุขอาษา สามีโจทก์ที่ 1 เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นความผิด โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่จำเลยเพิ่งคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เนื่องจากจำเลยหลบหนีคดีอาญาไปจากภูมิลำเนา และจำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้จากทางบ้านเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2537 ขณะจำเลยติดต่อทางบ้านเพื่อจะมอบตัวสู้คดี กรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ยกคำร้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่ คดีนี้เจ้าพนักงานศาลส่งคำบังคับให้จำเลยโดยวิธีปิดคำบังคับตามคำสั่งศาลที่ภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2537 ถือได้ว่าเป็นการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ก็จะต้องยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2537 ซึ่งเป็นวันที่การส่งคำบังคับ ในแก่จำเลยมีผลตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208วรรคหนึ่ง คือจำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2537 แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2538 จึงเกินกำหนด 15 วัน ล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ ที่จำเลยฎีกาในความว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์2538 ได้ เพราะก่อนนั้นจำเลยได้หลบหนีคดีอาญาอันเป็นเหตุละเมิดคดีนี้ไปจากภูมิลำเนาของจำเลย จำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้องและไม่ทราบว่ามีการส่งคำบังคับให้จำเลย จำเลยเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวเมื่อถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้ว ถือได้ว่าก่อนที่จำเลยจะทราบเรื่องดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันดังกล่าวได้ เพราะยังไม่พ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง เห็นว่า การที่จำเลยได้หลบหนีคดีอาญาไปเสียจากภูมิลำเนาของจำเลยเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยเองจึงจะนำมาอ้างว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้หาได้ไม่ แม้จำเลยจะอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องและมีการส่งคำบังคับให้จำเลยเมื่อถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้ว ซึ่งนับแต่เมื่อทราบดังกล่าวถึงวันยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ยังไม่ครบกำหนด 15 วันก็ตาม แต่กรณีดังกล่าวไม่เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้เสียแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่โดยเหตุนี้คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยยกขึ้นอ้างมานั้น ข้อเท็จจริงต่างกับคดีนี้จึงไม่อาจใช้เทียบเคียงได้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ชอบแล้ว
พิพากษายืน