แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองภายใน15วันหากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน15วันนับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ปรากฎว่าจำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นจึงมีหนังสือแจ้งให้ศาลที่จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตสั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแทนการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งหมายข้ามเขตดังกล่าวจึงเป็นการแสดงว่าโจทก์มิได้เป็นผู้นำส่งแต่เป็นการส่งหมายข้ามเขตศาลซึ่งศาลเป็นผู้ส่งเองเมื่อส่งไม่ได้และศาลชั้นต้นมิได้แจ้งผลการส่งหมายให้โจทก์ทราบโจทก์ย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าวการที่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไปจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)และจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย ให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าที่จำเลยขอจดทะเบียนไว้และห้ามจำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว ศาลชั้นต้นยกฟ้อง โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ลงวันที่15 กุมภาพันธ์ 2538 ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองภายใน 15 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้เพื่อดำเนินการต่อไปมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นที่จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตรายงานว่าโจทก์ได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้ว แต่ส่งไม่ได้ปรากฎตามรายงานเจ้าหน้าที่ซึ่งแนบท้ายหนังสือชั้นต้นที่จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตลงวันที่ 6 มีนาคม 2538 ว่า ส่งให้จำเลยทั้งสองไม่ได้ศาลชั้นต้นสั่งว่ารอให้โจทก์แถลง แต่โจทก์ก็ไม่ได้แถลงเข้ามาภายในกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งให้รวบรวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลอุทธรณ์ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นคือศาลแพ่งสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองภายใน15 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้เพื่อดำเนินการต่อไป มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นการกำหนดให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แต่ปรากฎว่าคดีนี้จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดสมุทรสาคร ศาลชั้นต้นคือศาลแพ่งจึงมีหนังสือแจ้งให้ศาลจังหวัดสมุทรสาครให้สั่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองแทน ต่อมาศาลจังหวัดสมุทรสาครได้แจ้งผลการส่งหมายมายังศาลชั้นต้นคือศาลแพ่งว่า ส่งให้ไม่ได้ ศาลแพ่งได้สั่งว่ารอโจทก์แถลง ดังนี้ จึงเป็นการแสดงว่าโจทก์มิได้เป็นผู้นำส่งหากแต่เป็นการส่งหมายข้ามเขตศาลซึ่งศาลเป็นผู้สั่งเองเมื่อศาลชั้นต้นคือศาลแพ่งมิได้แจ้งผลการส่งหมายดังกล่าวให้โจทก์ทราบโจทก์ย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าว การที่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไป จึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแจ้งผลการส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้โจทก์ทราบแล้วดำเนินการต่อไป