คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2355/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ลักษณะแห่งคดีและความผิดเป็นอย่างเดียวกับที่จำเลยที่1ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่5ในคดีก่อนคดีทั้งสองมีความเกี่ยวพันโดยอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้เมื่อโจทก์แยกฟ้องคดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อโดยศาลมิได้สั่งรวมการพิจารณาคดีหากศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา91(2)ในสำนวนใดสำนวนหนึ่งแล้วก็ไม่อาจนับโทษต่อในอีกสำนวนหนึ่งได้เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกำหนด แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยและออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามหากปรากฎว่าการนับโทษจำเลยต่อรวมแล้วเกิน20ปีขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา91(2)ศาลชั้นต้นก็ย่อมจะมีคำสั่งแก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เป็นไม่นับโทษต่อได้ไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาแต่อย่างใดเพราะเป็นเรื่องการบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นจะต้องออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343, 83, 91 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5,9, 12 ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529
จำเลยที่ 1 ให้การปฎิเสธแต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายทั้ง 28 คน ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 343 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 9, 12 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 12ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 648 กรรมเป็นจำคุก 1,944 ปี แต่คงให้จำคุกมีกำหนด 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529 ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529 ซึ่งจำเลยที่ 1 ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 5 และศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกมีกำหนด 4 ปี เป็นคดีที่มีความเกี่ยวพันต่อเนื่องกัน เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกมีกำหนด 20 ปี แล้วจึงไม่อาจนับโทษต่อจากคดีดังกล่าวได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกจำเลยที่ 1 เมื่อคดีถึงที่สุดเสียใหม่โดยไม่นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529ของศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประการแรกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มาตรา 12 กรรมละ 3 ปี รวม 648 กรรม เป็นจำคุก 1,944 ปี แต่คงให้จำคุกมีกำหนด 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) และให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ในข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529 มีลักษณะแห่งคดีและความผิดเป็นอย่างเดียวกับที่จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 5 ในคดีดังกล่าว คดีทั้งสองมีความเกี่ยวพันโดยอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้เมื่อโจทก์แยกฟ้องคดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อโดยศาลมิได้สั่งรวมการพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกันแล้ว หากศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ในสำนวนใดสำนวนหนึ่งแล้วก็ไม่อาจนับโทษต่อในอีกสำนวนหนึ่งได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกำหนดที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) บัญญัติไว้ ในเมื่อคดีนี้ศาลลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี เต็มตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91(2)แล้ว จำเลยจะรับโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529รวมกับโทษในคดีนี้เกินกำหนดดังกล่าวไม่ได้ เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในประการต่อไปว่าคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529 จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาโดยศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกจำเลยที่ 1 เมื่อคดีถึงที่สุดใหม่โดยไม่นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529 ของศาลชั้นต้น จึงเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยไม่ชอบหรือไม่ในข้อนี้เห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม หากปรากฎว่าการนับโทษจำเลยต่อรวมแล้วเกิน 20 ปี ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 91(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ศาลชั้นต้นก็ย่อมจะมีคำสั่งแก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เป็นไม่นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5750/2529 ได้ ไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องการบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นจะต้องออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน แต่ทั้งนี้เมื่อรวมโทษจำคุกทั้งสองคดีที่จำเลยที่ 1จะต้องได้รับไม่ให้เกิน 20 ปี

Share