แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4นั้นข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะที่ผู้ออกเช็คออกเช็คนั้นเพื่อเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณาโจทก์ไม่นำสืบว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายให้แก่ศ. ผู้สลักหลังเช็คดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับภายหลังพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา2วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วย ความผิดอัน เกิดจาก การ ใช้ เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และ ขอให้ นับ โทษ จำเลย ต่อ จาก คดี หมายเลขแดง ที่ ช.2299/2534และ หมายเลขแดง ที่ ช.4753/2534 ของ ศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ให้การรับสารภาพ ตาม ฟ้อง ทุกประการ และ รับ ว่า เป็น บุคคลคนเดียว กับ จำเลย ใน คดี ที่ โจทก์ ขอให้ นับ โทษ ต่อ
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 จำเลย ออก เช็ค2 ฉบับ เป็น ความผิด สอง กรรม เรียง กระทง ลงโทษ กระทง แรก จำคุก 5 เดือนกระทง ที่ สอง จำคุก 3 เดือน รวม โทษ จำคุก 8 เดือน จำเลย ให้การรับสารภาพเป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 4 เดือน ให้ นับ โทษ จำเลยต่อ จาก คดี หมายเลขแดง ที่ ช.2299/2534 และ ช.4753/2534 ของ ศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี มี ปัญหา ที่ จะ ต้อง วินิจฉัย ตาม ที่ จำเลยฎีกา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ที่ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วย ความผิด อัน เกิดจาก การใช้ เช็ค พ.ศ. 2497 แต่ ต่อมา มี พระราชบัญญัติ ว่าด้วย ความผิด อัน เกิดจาก การ ใช้ เช็ค พ.ศ. 2534 ออก ใช้ บังคับ โดย ยกเลิก พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ซึ่ง เป็น กฎหมายที่ ใช้ ใน ขณะ จำเลย กระทำ ความผิด และ พระราชบัญญัติ ว่าด้วย ความผิดอัน เกิดจาก การ ใช้ เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 บัญญัติ ว่า “ผู้ใด ออก เช็คเพื่อ ชำระหนี้ ที่ มี อยู่ จริง และ บังคับ ได้ ตาม กฎหมาย ” ศาลฎีกา เห็นว่าตาม บทบัญญัติ ของ กฎหมาย ดังกล่าว ข้างต้น ข้อเท็จจริง จะ ต้อง ให้ ได้ความว่า ขณะที่ ผู้ออกเช็ค ออก เช็ค นั้น เพื่อ เป็น การ ชำระหนี้ ที่ มี อยู่ จริงและ บังคับ ได้ ตาม กฎหมาย แต่ คดี นี้ ชั้น ไต่สวน มูลฟ้อง และ ชั้นพิจารณาโจทก์ ไม่นำ สืบ ข้อเท็จจริง ว่า จำเลย ออก เช็คพิพาท ทั้ง สอง ฉบับ เพื่อ ชำระหนี้ ที่ มี อยู่ จริง และ บังคับ ได้ ตาม กฎหมาย ให้ แก่ นาย ศิรินาม เศรษฐี ข้อเท็จจริง ตาม ฟ้องโจทก์ ซึ่ง จำเลย ให้การรับสารภาพ จึง รับฟัง ได้เพียง ว่า จำเลย ได้ ออก เช็คพิพาท ทั้ง สอง ฉบับ ชำระหนี้ ให้ แก่ นาย ศิรินาม เท่านั้น โดย ไม่ปรากฏ ว่า มูลหนี้ ตามเช็ค พิพาท ระหว่าง จำเลย กับนาย ศิรินาม มี อยู่ จริง และ บังคับ ได้ ตาม กฎหมาย หรือไม่ การ ออก เช็คพิพาท ทั้ง สอง ฉบับ ของ จำเลย จึง ไม่เป็น ความผิด ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ซึ่ง เป็นกฎหมาย ที่ ใช้ บังคับ ภายหลัง จำเลย จึง พ้น จาก การ เป็น ผู้กระทำ ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้นศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา ของ จำเลย ฟังขึ้น ”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง