คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันลักอะไหล่รถยนต์6รายการและแผ่นอะลูมิเนียม3แผ่นไปจากบริษัท ต. แต่คำเบิกความของ จ. พยานโจทก์ไม่ได้ความชัดว่าภายในกล่องกระดาษซึ่งพยานเห็น ช. คนงานก่อสร้างซึ่งเป็นพวกของจำเลยยกออกจากโรงซ่อมของบริษัท ต. มาวางไว้ด้านหลังโรงซ่อมนั้นมีสิ่งของใดหรือไม่และที่อ้างว่าจำเลยที่1กับ พ. ซึ่งเป็นพวกของจำเลยด้วยได้มาช่วยยกแผ่นอะลูมิเนียม2แผ่นบริเวณก่อสร้างนำไปรวมไว้กับกล่องกระดาษที่ ช. นำมาวางนั้นก็ไม่ปรากฏว่าเป็นแผ่นอะลูมิเนียมของผู้เสียหายหรือไม่และที่อ้างว่าเห็นจำเลยที่2ยกกล่องกระดาษ2ใบไปใส่ในรถของจำเลยที่2ก็ไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยที่2นำกล่องกระดาษจากที่ใดและภายในบรรจุสิ่งของใดหรือไม่โจทก์จึงขาดพยานหลักฐานที่มั่นคงที่จะฟังลงโทษจำเลยทั้งสอง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 เวลา กลางวันจำเลย ทั้ง สอง กับพวก อีก 2 คน ซึ่ง เป็น เยาวชน ร่วมกัน เข้า ทาง ช่อง รั้วของ บริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ อันเป็น ช่องทาง ซึ่ง ไม่ได้ จำนง ให้ เป็น ทาง คน เข้า และ ร่วมกัน ลัก เอา ไดสตาร์ต 1 อัน คาบิว (ที่ ถูก น่า จะ เป็น คาร์บูเรเตอร์ ) 1 อัน จาน จ่าย 1 อัน ปั๊ม น้ำ 1 เครื่อง หวีคลัตซ์ 1 อัน แผ่น คลัตซ์ 1 อัน รวม ราคา 3,500 บาท ของ นาย สมพร อุณาตระการ ผู้เสียหาย และ แผ่น อะลูมิเนียม 3 แผ่น ของ ร้าน ปากเกร็ด อะลูมิเนียม ไม่ทราบ ชื่อ เจ้าของ และ ราคาซึ่ง เก็บรักษา ไว้ ใน บริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ ไป โดยทุจริต โดย จำเลย ทั้ง สอง กับพวก ร่วมกัน ใช้ รถเข็น 1 คัน เป็นยานพาหนะ เพื่อ ความสะดวก แก่ การกระทำ ผิด หรือ การ พา ทรัพย์ นั้น ไปหรือ เพื่อ ให้ พ้น จาก การ จับกุม เหตุ เกิด ที่ ตำบล บางกระสอ อำเภอ เมืองนนทบุรี จังหวัด นนทบุรี สำหรับ แผ่น อะลูมิเนียม 3 แผ่น คืน ให้ แก่ เจ้าของ แล้ว ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 335, 336 ทวิ และ ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน คืน หรือ ใช้ ราคาทรัพย์ ที่ ยัง ไม่ได้ คืน รวม ราคา 3,500 บาท แก่ ผู้เสียหาย
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7), 336 ทวิ , 83 จำคุก คน ละ 3 ปีให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน คืน หรือ ใช้ ราคา ทรัพย์ ที่ ยัง ไม่ได้ คืน ให้ แก่ผู้เสียหาย เป็น เงิน 3,500 บาท
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ทางพิจารณา โจทก์ นำสืบ ว่า เมื่อ วันที่ 23กุมภาพันธ์ 2535 เวลา ประมาณ 10 นาฬิกา ขณะที่ นาย จิมบุญ ศรีภูธร กำลัง ปฏิบัติ หน้าที่ ยาม อยู่ ใน บริเวณ บริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ ซึ่ง อยู่ ระหว่าง การ ก่อสร้าง ต่อเติม สถาน ประกอบการ เห็น ชาย คนหนึ่ง ซึ่ง เป็น คนงาน ก่อสร้าง ทราบ ภายหลัง ว่า ชื่อนาย ชาญชัย มงกุฎเพชร ยก กล่อง กระดาษ ออกจาก โรง ซ่อม ไป ไว้ ยัง หลัง โรง ซ่อม และ เห็น จำเลย ที่ 1 กับ ชาย อีก คนหนึ่ง ทราบ ภายหลัง ว่าชื่อ นาย เพชร ประดิษฐ์เถระ ซึ่ง เป็น คนงาน ก่อสร้าง เช่นเดียวกัน ช่วย กัน ยก แผ่น อะลูมิเนียม 2 แผ่น จาก บริเวณ ก่อสร้าง ใกล้ โรง ซ่อม ไป ไว้รวมกับ กล่อง กระดาษ ที่นาย ชาญชัย นำ ไป วาง ไว้ ต่อมา จำเลย ที่ 2เข้า มา ยก กล่อง กระดาษ 2 ใบ ที่นาย ชาญชัย นำ ไป วาง ไว้ ไป ใส่ รถสามล้อ ของ จำเลย ที่ 2 ซึ่ง จอด อยู่ ที่ ปั๊ม น้ำมัน ใน บริเวณ ใกล้เคียงนาย จิมบุญ เป่าน กหวีด และ ตะโกน เรียก จำเลย ที่ 2 ให้ นำ กล่อง กระดาษ กลับมา คืน จำเลย ที่ 2 ไม่ยอม คืน กลับ ขี่ สามล้อ ไป เมื่อ นาย จิมบุญ มา ถึง บริเวณ ที่ วาง กล่อง กระดาษ นาย ชาญชัย ได้ เข้า ชก ต่อย และ หยิบ ไม้ จะ ทำร้าย นาย จิมบุญ จึง วิ่งหนี แล้ว ไป แจ้งเหตุ ต่อ เจ้าพนักงาน ตำรวจ วันรุ่งขึ้น เจ้าพนักงาน ตำรวจ จับ จำเลย ทั้ง สอง และนาย ชาญชัย กับ นาย เพชร ได้ และ นาย สมพร อุณาตระการ พนักงานบริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ ได้ ตรวจสอบ ปรากฏว่า เครื่อง อะไหล่ รถยนต์ โตโยต้า ราคา รวม 3,500 บาท หาย ไป ตาม บัญชีทรัพย์ ถูก ประทุษร้าย เอกสาร หมาย จ. 1 ชั้นสอบสวน จำเลยทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
จำเลย ที่ 1 นำสืบ ว่า ตาม วัน เวลา เกิดเหตุ จำเลย ที่ 1 ทำงานก่อสร้าง อยู่ ใน ที่เกิดเหตุ ได้ยิน เสียง ยาม เป่าน กหวีด และ ร้อง บอก ให้ นำกล่อง กระดาษ กลับ ไป เก็บ จำเลย ที่ 1 เห็น นาย ชาญชัย แบก กล่อง กระดาษ ไป ไว้ ยัง บริเวณ หน้า ห้องเก็บของ ต่อมา ยาม กล่าวหา นาย ชาญชัย ว่า จะ ลัก ขโมย สิ่งของ นาย ชาญชัย จึง เข้า ชกต่อย ทำร้าย ยาม จำเลย ที่ 1 ได้ เข้า ห้ามปราม วันรุ่งขึ้น เจ้าพนักงาน ตำรวจ มา จับ จำเลย ที่ 1ใน ขณะ กำลัง ทำงาน
จำเลย ที่ 2 นำสืบ ว่า จำเลย ที่ 2 มี อาชีพ รับ ซื้อ เศษ เหล็ก เศษกระดาษ และ ไป เก็บ ถุง ปูนซีเมนต์ กับ เศษ สิ่งของ เหลือ ใช้ จาก ที่เกิดเหตุเป็น ประจำ ตาม วัน เวลา เกิดเหตุ จำเลย ที่ 2 กำลัง เก็บ ถุง ปูนซีเมนต์และ เศษ กระดาษ ใน บริเวณ ที่เกิดเหตุ นาย ชาญชัย นำ กล่อง กระดาษ ใส่ อะไหล่ รถยนต์ ใช้ แล้ว และ อะลูมิเนียม ออก มา เพื่อ จะขาย ให้ แก่ จำเลยที่ 2 แต่ ยาม มา พบ นาย ชาญชัย กับ นาย เพชร จึง นำ ของ กลับคืน ไป เก็บ ตาม คำสั่ง ของ ยาม ส่วน จำเลย ที่ 2 ออกจาก บริเวณ ที่เกิดเหตุโดย ไม่ได้ นำ สิ่งของ ใด ๆ ไป ด้วย วันรุ่งขึ้น เจ้าพนักงาน ตำรวจ จับนาย ชาญชัย นายเพชร และ จำเลย ที่ 2 นาย ชาญชัย กับ นาย เพชร รับสารภาพ ว่า ร่วมกัน ลักทรัพย์ ส่วน จำเลย ที่ 2 ให้การ ปฏิเสธ
พิเคราะห์ แล้ว คดี มี ปัญหา ว่า จำเลย ทั้ง สอง กระทำผิด ตาม ฟ้องหรือไม่ โจทก์ ฎีกา ว่า ขณะ เกิดเหตุ เวลา กลางวัน นาย จิมบุญ ศรีภูธร ประจักษ์พยาน โจทก์ ซึ่ง ไม่เคย มี สาเหตุ โกรธเคือง จำเลย ทั้ง สองกับพวก เห็น จำเลย ทั้ง สอง กับพวก ร่วม กระทำผิด ลักทรัพย์ ผู้เสียหายตาม ฟ้อง แล้ว จำเลย ที่ 2 นำ ทรัพย์ ดังกล่าว ขึ้น รถสามล้อ ขับ หลบหนี ไปพยานโจทก์ มี น้ำหนัก เชื่อถือ ได้ ใน ข้อ นี้ ได้ความ จาก นาย จิมบุญ ประจักษ์พยาน โจทก์ ว่า วันเกิดเหตุ ขณะ ปฏิบัติ หน้าที่ ยาม อยู่ ที่ บริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ ซึ่ง อยู่ ระหว่าง การ ก่อสร้าง ต่อเติม สถาน ประกอบการ เห็น นาย ชาญชัย มงกุฎเพชร คนงาน ก่อสร้าง ยก กล่อง กระดาษ ขนาด ประมาณ 1 ฟุต ออกจาก โรง ซ่อม ลักษณะเหมือน ยก ของ หนัก เข้าใจ ว่า เป็น อะไหล่ รถ ไป ไว้ ด้านหลัง โรง ซ่อมแล้ว จำเลย ที่ 1 กับ นาย เพชร ประดิษฐ์เถระ ช่วย กัน ยก แผ่น อะลูมิเนียม 2 แผ่น จาก บริเวณ ก่อสร้าง นำ ไป ไว้ รวมกับ กล่อง กระดาษ ที่นาย ชาญชัย นำ ไป วาง ไว้ แล้ว ต่าง ไป ทำงาน ก่อสร้าง ตาม ปกติ เมื่อ พยาน เดิน ขึ้น ชั้นบนบริษัท ก็ เห็น จำเลย ที่ 2 ยก กล่อง ไป ใส่ รถสามล้อ 2 ใบ พยาน เป่าน กหวีดแล้ว ตะโกน บอก ให้ จำเลย ที่ 2 เอา สิ่งของ กลับคืน มา จำเลย ที่ 2 ไม่ยอมคืน กลับ ขี่ รถสามล้อ หลบหนี ส่วน จำเลย ที่ 1 กับ นาย เพชร นำ แผ่น อะลูมิเนียม ที่ วาง ไว้ ไป วาง ที่ เดิม เมื่อ พยาน เดิน มา ชั้นล่าง ก็ ถูกนาย ชาญชัย มา ชกต่อย แล้ว หยิบ ไม้ หน้า สาม ทำ ท่า จะ ตี พยาน จึง วิ่งหนี ต่อมา ไป แจ้งความ ต่อ เจ้าพนักงาน ตำรวจ สถานีตำรวจภูธร อำเภอ นนทบุรีรุ่งขึ้น นาย สมพร อุณาตระการ ผู้เสียหาย พา เจ้าพนักงาน ตำรวจ มา ขอให้ พยาน ชี้ ตัว คนร้าย พยาน ชี้ ให้ เจ้าพนักงาน ตำรวจ จับ นาย ชาญชัย กับพวก อีก 2 คน ที่ ที่พัก คนงาน ใกล้ บริษัท โตโยต้า จำกัด และ ได้ ความ จาก พัน ตำรวจ ตรี สมพงศ์ มุสิกรักษ์ พนักงานสอบสวน ว่า วันเกิดเหตุ เวลา 12.30 นาฬิกา ผู้เสียหาย ได้ ไป แจ้งความ ว่า จำเลยที่ 1 กับพวก รวม 4 คน ร่วมกัน ลัก อะไหล่ รถยนต์ 6 รายการ ราคา3,500 บาท และ อะลูมิเนียม 3 แผ่น ซึ่ง เก็บรักษา อยู่ ที่ บริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ ไป จึง ติดตาม จับ จำเลย ทั้ง สอง กับพวก อีก 2 คน ได้ ใน วันเดียว กัน เวลา 14 นาฬิกา จำเลยทั้ง สอง กับพวก ให้การ ปฏิเสธ เห็นว่า โจทก์ ฟ้อง กล่าวหา ว่า จำเลย ทั้ง สองกับพวก ร่วมกัน ลัก อะไหล่ รถยนต์ 6 รายการ ราคา 3,500 บาท และ แผ่นอะลูมิเนียม จำนวน 3 แผ่น ไป จาก บริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ แต่ จาก คำเบิกความ ของ นาย จิมบุญ พยานโจทก์ ไม่ได้ ความ ชัด ว่า กล่อง กระดาษ ซึ่ง พยาน อ้างว่า เห็น นาย ชาญชัย คนงาน ก่อสร้าง ยก ออกจาก โรง ซ่อม มี ลักษณะ คล้าย ของ หนัก มา วาง ไว้ ด้านหลัง โรง ซ่อมนั้น ภายใน มี สิ่งของ ใด หรือไม่ หรือ เป็น เพียง กล่อง บรรจุ วัสดุ ก่อสร้างและ ที่ อ้างว่า จำเลย ที่ 1 กับ นาย เพชร ประดิษฐ์เถระ ซึ่ง เป็น พวก ของ นาย ชาญชัย ได้ มา ช่วย ยก แผ่น อะลูมิเนียม 2 แผ่น บริเวณ ก่อสร้าง นำ ไป รวม ไว้ กับ กล่อง กระดาษ ที่นาย ชาญชัย นำ มา วาง นั้น ก็ ไม่ปรากฏ ว่า เป็น แผ่น อะลูมิเนียม ของ ผู้เสียหาย หรือ เป็น เพียง อุปกรณ์ ก่อสร้างต่อมา เมื่อ พยาน เดิน ขึ้น ชั้นบน บริษัท มอง ลง มา เห็น จำเลย ที่ 2 ยก กล่องกระดาษ 2 ใบ ไป ใส่ ใน รถสามล้อ ของ จำเลย ที่ 2 นั้น ก็ ไม่ได้ ความ แน่ชัดว่า จำเลย ที่ 2 นำ กล่อง กระดาษ จาก ที่ ใด และ ภายใน บรรจุ วัสดุ ก่อสร้างหรือไม่ และ ที่ พยาน อ้างว่า จำเลย ที่ 2 เป็น คน รับ ซื้อ เศษ เหล็กเศษ กระดาษ ก่อน เกิดเหตุ พยาน เห็น จำเลย ที่ 2 มา ขน เศษ เหล็ก และ ถุง ปูนประจำ ก็ ไม่ทราบ ว่า หมายถึง เศษ เหล็ก เศษ กระดาษ ถุง ปูน ของ ผู้เสียหายหรือ เป็น วัสดุ ที่ เหลือ จาก การ ก่อสร้าง ที่ โจทก์ อ้างว่า จำเลย ทั้ง สองกับพวก ร่วม ลักทรัพย์ อะไหล่ รถยนต์ ของ ผู้เสียหาย กับ แผ่น อะลูมิเนียมตาม ฟ้อง โดยทุจริต จึง ไม่มี หลักฐาน ดัง ที่นาย จิมบุญ พยาน เบิกความ รับ ว่า พยาน เพียง เข้าใจ ว่า กล่อง ที่นาย ชาญชัย ยก ไป นั้น บรรจุ อะไหล่ รถ และ ไม่ทราบ ว่า จำเลย ที่ 1 กับ นาย เพชร ขน แผ่น อะลูมิเนียม ไป เพื่อ ใช้ ทำ อะไร ส่วน นาย สมพร ผู้เสียหาย เบิกความ ว่า ได้ ตรวจสอบ ใน วันรุ่งขึ้น จึง ทราบ ว่า เครื่อง อะไหล่ รถยนต์ ผู้เสียหาย หาย ไป ตามบัญชีทรัพย์ ของ หาย เอกสาร หมาย จ. 1 นั้น ก็ ไม่อาจ ทราบ ว่า หาย ไป เมื่อใดเหตุ ที่ พยาน แจ้งความ ต่อ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ว่า จำเลย ทั้ง สอง กับพวก กระทำผิด จึง อาจ เกิดจาก การ ที่ พยาน เห็น จำเลย ที่ 2 ยก กล่อง กระดาษไป ใส่ รถสามล้อ แล้ว ขี่ หนี ไป ทั้ง นาย ชาญชัย ได้ เข้า มา ชกต่อย กับ ใช้ ไม้ หน้า สาม ทำ ท่า จะ ตี พยาน เป็น การ ที่ น่า สงสัย ว่า จำเลย ทั้ง สอง ลักทรัพย์ผู้เสียหาย ก็ เป็น ได้ เห็นว่า ขณะ เกิดเหตุ บริษัท โตโยต้า จำกัด สาขา รัตนาธิเบศร์ กำลัง ทำการ ก่อสร้าง อาคาร บริษัท พยาน ซึ่ง เพิ่ง ไป เป็น ยาม ตรวจ ดู ความปลอดภัย ก่อน เกิดเหตุ เพียง 10 วัน ย่อม ไม่ ทันทราบ ว่า ทรัพย์สิน ใด ใน อาคาร บริษัท เป็น ของ ผู้เสียหาย หรือ เป็น เพียงวัสดุ ก่อสร้าง ทางพิจารณา โจทก์ ขาด พยานหลักฐาน ที่ มั่นคง ที่ จะ ฟัง ลงโทษจำเลย ทั้ง สอง ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายก ฟ้อง ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วยฎีกา โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share