แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ผู้ซื้อพบ เสื้อเกียร์แตกครั้งแรกเมื่อวันที่27มีนาคม2532และจำเลยที่1ผู้ขายได้รับไปซ่อมเมื่อวันที่29มีนาคม2532แล้วนำมาส่งคืนถือว่าจำเลยที่1กระทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์แล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันที่ได้รับไปซ่อมแต่เมื่อเสื้อเกียร์ก็ยังแตกอีกหลายครั้งโดยจำเลยที่1ไม่สามารถแก้ไขความ ชำรุดบกพร่องในจุดเดิมได้อายุความจึงยังคงสะดุดหยุดลงอยู่ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยที่1ส่งช่างไปแก้ไขแต่จำเลยที่1ปฏิเสธความรับผิดเป็นเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นได้สิ้นสุดลงต้อง เริ่มนับอายุความ 1ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา474ใหม่ตั้งแต่วันดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 27 เมษายน 2531 โจทก์ ทำ สัญญา ซื้อเกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ 1 ชุด จาก จำเลย ที่ 1 เป็น เงิน 199,000 บาท โดยมี ข้อกำหนด ว่า เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ต้อง มี สภาพ การ ใช้ งาน ได้ ตลอด เวลาและ รับ กำลัง ได้ สูงสุด ถ้า มีเหตุ ชำรุด เสียหาย เกิดขึ้น แก่ เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ผู้ขาย จะ ต้อง ทำการ แก้ไข ให้ เป็น ที่ เรียบร้อย โดย ไม่คิด ค่า สิ่งของ และ ค่าแรงงาน จาก ผู้ซื้อ โดย มี จำเลย ที่ 2 ทำ สัญญาค้ำประกัน การ ปฏิบัติ ตาม สัญญา ไว้ ต่อ โจทก์ ใน จำนวนเงิน 19,900 บาท โดยมิต้อง เรียกร้อง จาก จำเลย ที่ 1 ก่อน และ ยินยอม ด้วย ใน กรณี ที่ โจทก์ผ่อน เวลา ให้ จำเลย ที่ 1 ครั้น วันที่ 26 มีนาคม 2532 โจทก์ นำ ไป ติด ตั้งและ ใช้ งาน ที่ โรงงาน น้ำตาล สุพรรณบุรี แต่ ใช้ งาน ได้ 1 วัน เสื้อ เกียร์ได้ แตก ชำรุด จำเลย ที่ 1 รับ เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ไป ซ่อม และ ส่งมอบคืน โจทก์ ต่อมา วันที่ 25 ธันวาคม 2532 เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ชำรุดอีก จำเลย ที่ 1 ได้รับ คืน ไป ซ่อม แล้ว ส่งมอบ คืน โจทก์ แต่ ต่อมา วันที่23 พฤศจิกายน 2533 เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ เกิด ชำรุด โดย เสื้อ เกียร์แตก โจทก์ มี หนังสือ แจ้ง ให้ จำเลย ที่ 1 แก้ไข จำเลย ที่ 1 ปฏิเสธ การแก้ไข โดย แจ้ง ให้ โจทก์ ทราบ เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 โจทก์ ทวงถามให้ จำเลย ทั้ง สอง รับผิด ตาม สัญญา แล้ว แต่ จำเลย ทั้ง สอง ปฏิเสธ ความรับผิดจำเลย ที่ 1 ต้อง ชดใช้ ค่าเสียหาย ให้ แก่ โจทก์ ขอให้ บังคับ จำเลยทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน 21,380.23 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตราร้อยละ 7.5 ต่อ ปี จาก ต้นเงิน 19,900 บาท นับแต่ วัน ถัด จาก วันฟ้อง ถึง วัน ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ เงิน 192,422.09 บาทพร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี จาก ต้นเงิน 199,000 บาทนับแต่ วันฟ้อง ถึง วัน ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 474 แล้ว จำเลย ที่ 1 มิได้เป็น ฝ่าย ผิดสัญญา เนื่องจาก จำเลย ที่ 1 มี หน้าที่ เพียง นำ ส่ง สินค้า แก่โจทก์ เท่านั้น และ จำเลย ที่ 1 ได้ ส่งมอบ เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ให้โจทก์ ตรวจรับ ไว้ ถูกต้อง ครบถ้วน ตาม สัญญา เมื่อ วันที่ 21 กรกฎาคม2531 แล้ว และ โจทก์ ก็ ได้ ชำระ เงิน ค่าสินค้า แก่ จำเลย ที่ 1 แล้ว ตามสัญญาซื้อขาย จำเลย ที่ 1 จะ ต้อง รับผิดชอบ ใน ความ ชำรุด บกพร่องของ สินค้า ภายใน 12 เดือน นับแต่ วันที่ โจทก์ ตรวจรับ สินค้า ไว้ คือ เพียงถึง วันที่ 21 กรกฎาคม 2532 เท่านั้น ความเสียหาย ตาม ฟ้อง มิได้เกิดจาก ความ บกพร่อง ของ สินค้า แต่ เกิดจาก โจทก์ ติด ตั้ง เครื่องจักรพิพาท โดย มี ข้อ บกพร่อง อันเป็น ความผิด ของ โจทก์ เอง ขอให้ ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 2 ได้ ออก หนังสือ ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ต่อ โจทก์ จริง แต่ สัญญาค้ำประกัน จำกัด วงเงิน ต้น และ ดอกเบี้ยไว้ ไม่เกิน 19,900 บาท และ จำเลย ที่ 1 มี หนังสือ แจ้ง ให้ จำเลย ที่ 2ระงับ การ จ่ายเงิน ตาม ภาระ ค้ำประกัน ไว้ ก่อน เนื่องจาก ความเสียหายเกิดขึ้น จาก ความ บกพร่อง ของ โจทก์ เอง โดย จำเลย ที่ 1 มิได้ ผิดสัญญาและ แม้ จำเลย ที่ 1 ผิดสัญญา จำเลย ที่ 2 ก็ ยัง คง ต้อง รับผิด ใน วงเงินตาม สัญญาค้ำประกัน เพียง 19,900 บาท เท่านั้น ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ ในเบื้องต้น ว่า เมื่อ วันที่ 27 เมษายน 2531 โจทก์ ทำ สัญญา ซื้อ เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ 1 ชุด จาก จำเลย ที่ 1 ใน ราคา 199,000 บาท โดย มีจำเลย ที่ 2 ทำ สัญญาค้ำประกัน การ ปฏิบัติ ตาม สัญญา ของ จำเลย ที่ 1ไว้ ต่อ โจทก์ ใน จำนวนเงิน 19,900 บาท และ จำเลย ที่ 1 ได้ ส่งมอบ เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ตาม สัญญา ให้ แก่ โจทก์ เมื่อ วันที่ 25 กรกฎาคม 2531ต่อมา วันที่ 26 มีนาคม 2532 โจทก์ ได้ นำ เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ไป ติด ตั้ง ใช้ งาน ที่ โรงงาน น้ำตาล สุพรรณบุรี วันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 27มีนาคม 2532 เสื้อ เกียร์แตก จำเลย ที่ 1 ได้รับ ไป ซ่อม เมื่อ วันที่ 29มีนาคม 2532 และ นำ มา คืน เมื่อ วันที่ 24 สิงหาคม 2532 ต่อมา วันที่16 ธันวาคม 2532 โจทก์ ได้ นำ เกียร์ทดซึ่ง จำเลย ที่ 1 ซ่อม ให้ ไปติด ตั้ง ใช้ งาน จน ถึง วันที่ 25 ธันวาคม 2532 เสื้อ เกียร์ก็ แตก อีกวันที่ 5 มกราคม 2533 จำเลย ที่ 1 ได้รับ ไป ซ่อม และ นำ มา ส่ง คืน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2533 ต่อมา ได้ มี การ ติด ตั้ง แล้ว ใช้ งาน อีก ครั้งหนึ่งเมื่อ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2533 ใช้ งาน ได้ ประมาณ 2 ถึง 3 วันเสื้อ เกียร์ก็ แตก อีก โจทก์ มี หนังสือ แจ้ง ให้ จำเลย ที่ 1 ส่ง ช่าง ไป แก้ไขแต่ จำเลย ที่ 1 ปฏิเสธ ความรับผิด เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2533คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ประการ แรก ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ หรือไม่ เห็นว่า ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 474 บัญญัติ ไว้ ว่า “ใน ข้อ รับผิด เพื่อ ชำรุด บกพร่อง นั้น ท่านห้าม มิให้ ฟ้องคดี เมื่อ พ้น เวลา ปี หนึ่ง นับแต่ เวลา ที่ ได้ พบ เห็น ความชำรุด บกพร่อง ” ซึ่ง โจทก์ พบ เสื้อ เกียร์แตก ครั้งแรก เมื่อ วันที่27 มีนาคม 2532 และ จำเลย ที่ 1 ได้รับ ไป ซ่อม เมื่อ วันที่ 29 มีนาคม2532 แล้ว นำ มา ส่ง คืน เมื่อ วันที่ 24 สิงหาคม 2532 เช่นนี้ ย่อม ถือ ได้ว่า จำเลย ที่ 1 กระทำการ อัน ปราศจาก เคลือบคลุม สงสัย ตระหนักเป็น ปริยาย ว่า ยอมรับ สภาพ ตาม สิทธิเรียกร้อง ของ โจทก์ แล้ว อายุความย่อม สะดุด หยุด ลง ตั้งแต่ วันที่ 29 มีนาคม 2532 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 (เดิม ) ต่อมา วันที่ 16ธันวาคม 2532 โจทก์ ติด ตั้ง เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ดังกล่าว เป็น ครั้งที่ 2 ใช้ งาน จน ถึง วันที่ 25 ธันวาคม 2532 ปรากฏว่า เสื้อ เกียร์ได้ แตก เหมือนเดิม จำเลย ที่ 1 ได้รับ คืน ไป ซ่อม อีก แล้ว ส่ง คืน โจทก์เมื่อ วันที่ 9 สิงหาคม 2533 และ มี การ ติด ตั้ง เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ดังกล่าว เป็น ครั้งที่ 3 จาก นั้น วันที่ 20 พฤศจิกายน 2533 โจทก์ได้ ใช้ เกียร์ทดพร้อม อุปกรณ์ ดังกล่าว ใช้ ได้ ประมาณ 2 ถึง 3 วันเสื้อ เกียร์แตก อีก ดังนี้ แสดง ว่า จำเลย ที่ 1 ยัง ไม่สามารถ แก้ไขความ ชำรุด บกพร่อง ใน จุด เดิม คือ ที่ เสื้อ เกียร์ของ เกียร์ทดและ อุปกรณ์นั้น ให้ โจทก์ สามารถ ใช้ งาน ได้ ตาม ปกติ อันเป็น ประโยชน์ ที่ มุ่งหมายใน สัญญา อายุความ จึง ยัง คง สะดุด หยุด ลง อยู่ ต่อมา โจทก์ มี หนังสือแจ้ง ให้ จำเลย ที่ 1 ส่ง ช่าง ไป แก้ไข แต่ จำเลย ที่ 1 กลับ ปฏิเสธ ความรับผิด เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 จึง เป็นเหตุ ที่ ทำให้ อายุความสะดุด หยุด ลง นั้น ได้ สิ้นสุด ลง ต้อง เริ่ม นับ อายุความ เดิม 1 ปีใหม่ตั้งแต่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2533 เมื่อ นับ ถึง วันฟ้อง คือ วันที่ 25พฤศจิกายน 2534 ยัง ไม่ พ้น 1 ปี ฟ้องโจทก์ จึง ไม่ขาดอายุความฎีกา ของ โจทก์ ฟังขึ้น ”
พิพากษากลับ ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ เงิน จำนวน 199,000 บาทพร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 28 พฤศจิกายน2533 จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ แต่ ดอกเบี้ย นับ ถึง วันฟ้อง(วันที่ 25 พฤศจิกายน 2534) ต้อง ไม่เกิน 14,802.32 บาท และ ให้จำเลย ที่ 2 ร่วมรับผิด กับ จำเลย ที่ 1 ชำระ เงิน แก่ โจทก์ จำนวน 19,900บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ