คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประจักษ์พยานโจทก์เป็นเด็กอายุ7ปีมีโอกาสถูกเสี้ยมสอนให้บิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นแม้จะให้การชั้นสอบสวนว่าขณะเกิดเหตุพยานวิ่งตามผู้ตายไปในสวนเห็นจำเลยใช้มีดพร้าฟันผู้ตายจึงวิ่งมาบอกมารดาพยานและมารดามาดูพบว่าผู้ตายถูกฟันถึงแก่ความตายและพบจำเลยกำลังล้างมืออยู่ที่บ่อน้ำใกล้ที่เกิดเหตุก็เป็นพยานชั้นสองทั้งมิได้ให้การในระยะกระชั้นชิดกับเวลาเกิดเหตุและได้ความจากเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมสอบสวนคดีซึ่งเป็นพยานโจทก์อีกปากหนึ่งว่าพยานไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายขณะที่เจ้าพนักงานจัดให้พยานชี้ตัวคนร้ายอีกด้วยดังนั้นเมื่อพยานมาเบิกความในชั้นพิจารณาย่อมเป็น พยานชั้นหนึ่ง ชอบที่ศาลจะรับฟังคำเบิกความในชั้นพิจารณาเป็นสำคัญส่วนพยานที่เหลืออยู่อีกล้วนแต่เป็นพยานบอกเล่า ทั้งไม่มีพยานพฤติเหตุแวดล้อมอื่นใดที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์อีก พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 23 มกราคม 2534 เวลา กลางวันจำเลย ใช้ มีดพร้า เป็น อาวุธ ฟัน นาย เปลือนหรือไข่ กาลพงษ์ ผู้ตาย หลาย ครั้ง โดย เจตนาฆ่า ถูก ที่ บริเวณ คอ และ หน้า เป็นเหตุ ให้ ผู้ตายถึงแก่ความตาย เหตุ เกิด ที่ ตำบล กระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัด พังงา ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 20 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ทางพิจารณา โจทก์ นำสืบ ว่า นาย เปลือน หรือ ไข่ กาลพงษ์ ผู้ตาย และ นาง ทิน แดงเกษม ภริยา ประกอบ อาชีพ รับจ้าง กรีด ยางพารา และ อาศัย อยู่ ใน สวน ยางพารา ของ นาย ละม่อม นายจ้าง เมื่อ วันที่ 23 มกราคม 2534 เวลา 7.30 นาฬิกา ขณะที่ ผู้ตาย และนาง ทิน แยก กัน กรีด ยางพารา อยู่ ใน สวน โดย มี เด็ก ชาย ก้องธรณี กาลพงษ์ บุตร ตาม ไป ด้วย เด็ก ชาย ก้องธรณี วิ่ง มา บอก นาง ทิน ว่า จำเลย ใช้ มีดพร้า ฟัน ผู้ตาย เมื่อ นาง ทิน มา ดู ผู้ตาย พบ ว่า ผู้ตาย ถูก ฟัน ที่ บริเวณ ศีรษะ และ ลำคอ และ ถึงแก่ความตาย ใน ที่เกิดเหตุร้อยตำรวจโท พฤกษ์ เลี้ยงสุข พนักงานสอบสวน ได้รับ แจ้งเหตุ จาก นาง ละม่อม แล้ว ออก มาตรา วจสถานที่เกิดเหตุ และ นำ นาง ทิน ไป สอบ ปากคำ ไว้ ใน วันเกิดเหตุ ตาม เอกสาร หมาย ป.จ. 2 นาย อารีย์ กายแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้าน เกิดเหตุ ไป ตาม ตัว จำเลย ที่ บ้าน แล้ว ไม่พบ จำเลย ต่อมา วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2534พันตำรวจโท ไพศาล ศรีสุข เจ้าพนักงาน ตำรวจ ผู้ ร่วม สอบสวน ได้ สอบ ปากคำ เด็ก ชาย ก้องธรณี ไว้ ตาม เอกสาร หมาย จ. 1 และ ออกหมายจับ จำเลย ต่อมา วันที่ 3 ตุลาคม 2535 เจ้าพนักงาน ตำรวจ จับ จำเลย ได้ และ จัด ให้เด็ก ชาย ก้องธรณี ชี้ ตัว คนร้าย ชั้น จับกุม และ สอบสวน เจ้าพนักงาน ตำรวจ แจ้ง ข้อหา คดี นี้ แก่ จำเลย จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
จำเลย นำสืบ ปฏิเสธ โดย อ้าง ฐาน ที่อยู่
พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ใน เบื้องต้น ฟังได้ ว่า ตาม วัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ นาย เปลือนหรือไข่ กาลพงษ์ ถูก คนร้าย ใช้ มีดพร้า ฟัน ถึงแก่ความตาย มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่า จำเลยกระทำผิด ตาม ฟ้อง หรือไม่ โจทก์ มี เด็ก ชาย ก้องธรณี กาลพงษ์ บุตร ของ ผู้ตาย ประจักษ์พยาน เบิกความ ว่า วันเกิดเหตุ พยาน เดิน ตามผู้ตาย และ มารดา ไป กรีด ยางพารา ใน สวน ผู้ตาย กับ มารดา แยก กัน กรีด ยางพาราอยู่ แปลง เดียว กัน แต่ จะ ไม่เห็น กัน เนื่องจาก สวน รก พยาน เดิน ตามผู้ตาย บ้าง มารดา บ้าง พยาน ไม่เห็น คนร้าย ฆ่า ผู้ตาย เนื่องจาก พยานอยู่ กับ มารดา ต่อมา เมื่อ มารดา กรีด ยาง เสร็จ พยาน กับ มารดา เดิน มา หาผู้ตาย พบ ว่า ผู้ตาย นอน ตาย อยู่ ใน สวน ดังกล่าว คำเบิกความ ของประจักษ์พยาน ของ โจทก์ ดังกล่าว จึง รับฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย เป็น คนร้ายราย นี้ แม้ โจทก์ ส่ง คำให้การ ชั้นสอบสวน ของ พยาน ปาก นี้ ต่อ ศาล ตามเอกสาร หมาย จ. 1 ซึ่ง มี ใจความ ว่า ขณะ เกิดเหตุ พยาน วิ่ง ตาม ผู้ตายไป ใน สวน พยาน เห็น จำเลย ใช้ มีดพร้า ฟัน ผู้ตาย พยาน จึง วิ่ง มา บอก มารดาพยาน และ มารดา มา ดู ผู้ตาย ว่า ผู้ตาย ถูก ฟัน ถึงแก่ความตาย และ พบ จำเลยกำลัง ล้าง มือ อยู่ ที่ บ่อน้ำ ใกล้ บ้าน นาง ละออง ก็ ตาม แต่ ก็ มิได้ ให้การ ใน ระยะ กระชั้นชิด กับ เวลา เกิดเหตุ และ ให้การ ภายหลัง จาก นาง ทิน ให้การ ไว้ แล้ว หลาย วัน พยาน เป็น เด็ก อายุ 7 ปี มี โอกาส ถูก เสี้ยมสอนให้ บิดเบือน ข้อเท็จจริง ไป เป็น อย่างอื่น อีก ทั้ง ได้ความ จากพันตำรวจโท สันติ ชอบทำกิจ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ผู้ ร่วม สอบสวน คดี ซึ่ง เป็น พยานโจทก์ อีก ปาก หนึ่ง ว่า เมื่อ จับ จำเลย ได้ แล้ว ได้ จัด ให้พยาน ปาก นี้ ชี้ ตัว คนร้าย ที่ เรือนจำจังหวัด พังงา โดย ให้ จำเลย ยืนรวมกับ ผู้ต้องขัง ใน เรือนจำ รวม 6 คน พยาน ไม่ ชี้ ว่า จำเลย เป็น คนร้ายโดย บอก ว่า ไม่มี คน ที่ ฆ่า พ่อ อยู่ ใน แถว มีผล เท่ากับ ว่า ใน ชั้นสอบสวนพยาน ไม่ได้ ยืนยัน ว่า จำเลย เป็น คนร้าย แต่ อย่างไร ก็ ตาม คำให้การชั้นสอบสวน ดังกล่าว เป็น พยาน ชั้น สอง เมื่อ ตัว พยาน มา เบิกความใน ชั้นพิจารณา คำเบิกความ นั้น ย่อม เป็น พยาน ชั้น หนึ่ง ชอบ ที่ ศาลจะ รับฟัง คำเบิกความ ใน ชั้นพิจารณา เป็น สำคัญ เมื่อ เป็น เช่นนี้โจทก์ คง มี แต่ คำให้การ ชั้นสอบสวน ของ นาง ทิน ตาม เอกสาร หมาย ป.จ. 2ซึ่ง ให้การ ไว้ ว่า เด็ก ชาย ก้องธรณี มา แจ้ง ให้ พยาน ทราบ ว่า จำเลย ใช้ มีดพร้า ฟัน ผู้ตาย 2 ที พยาน วิ่ง มา ดู ผู้ตาย พบ ผู้ตาย ถูก ฟันถึงแก่ความตาย ใน ที่เกิดเหตุ และ พบ จำเลย ล้าง มือ และ เท้า อยู่ ที่บ่อน้ำ ใกล้ ที่เกิดเหตุ และ คำเบิกความ ของ นาย อารีย์ กายแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้าน เกิดเหตุ ว่า นาย อารีย์ ได้รับ แจ้งเหตุ จาก นาย สงวน ผู้ช่วย ผู้ใหญ่ หมู่บ้าน เกิดเหตุ ว่า จำเลย เป็น คนร้าย ซึ่ง ล้วน แต่ เป็น พยานบอกเล่า จึง ยัง ฟัง ลงโทษ จำเลย ไม่ได้ นอกจาก นี้โจทก์ ไม่มี พยาน พฤติเหตุ แวดล้อม อื่น ใด ที่ ใกล้ชิด กับ เหตุการณ์ อีกกล่าว โดย สรุป แล้ว พยานหลักฐาน ของ โจทก์ รับฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย กระทำผิดตาม ฟ้อง ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายก ฟ้อง นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วยฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share