แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อกำแพงคอนกรีตที่สร้างต่อเติมติดกับบ้านโจทก์ออกและทำให้กลับสู่สภาพเดิมและจากการที่จำเลยทุบคานและฝาผนังภายในบ้านจำเลยทำให้บ้านโจทก์แตกร้าวเสียหายให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย85,000บาทแก่โจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย30,000บาทแก่โจทก์คำขออื่นให้ยกโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยรื้อกำแพงที่สร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านพิพากษาออกและทำรั่วบ้านและฝาผนังบ้านกลับสู่สภาพเดิมผลเท่ากับพิพากษายืนคำพิพากษาศาลชั้นต้นในกรณีที่จำเลยทำละเมิดโจทก์ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย30,000บาทที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และค่าเสียหายโจทก์ไม่เกิน10,000บาทเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงทุนทรัพย์ที่ฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248 คดีมีปัญหาว่ากำแพงที่จำเลยสร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์บังทิศทางลมที่พัดมาจากทะเลสู่ห้องนอนโจทก์หรือไม่เป็นปัญหาขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าข้องบ้านเลขที่ 420/357 หมู่บ้านทิพยวัลย์ เป็นบ้านตึกแถวแบบทาวน์เฮาส์อยู่ติดกับบ้านเลขที่420/358 ของจำเลย จำเลยต่อเติมบ้านโดยทุบเสารั้ว คานด้านที่อยู่ติดกับบ้านของโจทก์และโจทก์เป็นเจ้าของรวมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากการที่จำเลยทุบคานและฝาผนังคอนกรีตภายในบ้านจำเลย ทำให้บ้านโจทก์แตกร้าวหลายแห่ง คิดเป็นค่าเสียหาย 80,000 บาท หลังจากนั้นจำเลยได้ก่อสร้างกำแพงต่อเติมขึ้นสูงมาก ปิดทางลมที่พัดเข้าห้องนอนโจทก์ และการที่จำเลยทุบคานร่วมและก่อสร้างกำแพงดังกล่าวทำให้เศษอิฐเศษหินตกถูกรถยนต์โจทก์สีถลอกหลายแห่ง ขอคิดค่าเสียหายส่วนนี้จำนวน 5,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยรื้อกำแพงคอนกรีตที่สร้างต่อเติมค้านที่ติดกับบ้านโจทก์ออกและทำรั้วบ้านและผนังบ้านกลับสู่สภาพเดิมหากขัดขืนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 85,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า บ้านโจทก์สร้างมาประมาณ 20 ปี ชำรุดเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน รอยแตกร้าวและกระเทาะเนื่องจากปูนฉาบผนังเก่าไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลย จำเลยได้ป้องกันมิให้เศษอิฐเศษหินตกลงไปในบ้านของโจทก์ โดยนำสิ่งปิดกั้นไว้เป็นอย่างดี โดยนำสิ่งปิดกั้นไว้เป็นอย่างดี แผลถลอกที่รถโจทก์ไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยการต่อเติมบ้านของจำเลยไม่ได้ปิดบังทางลมที่พัดเขาห้องนอนของโจทก์มิได้รุกล้ำส่วนของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรื้อกำแพงคอนกรีตที่สร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์ออกและทำรั้วบ้านและฝาผนังบ้านกลับสู่สภาพเดิม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรื้อกำแพงที่สร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์ออกและทำรั้วบ้านและฝาผนังบ้านกลับสู่สภาพเดิม ผลเท่ากับพิพากษายืนคำพิพากษาศาลชั้นต้นในกรณีที่จำเลยทำละเมิดโจทก์ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาทที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และค่าเสียหายโจทก์ไม่เกิน 10,000 บาท นั้น เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงทุนทรัพย์ที่ฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ฎีกาจำเลยในปัญหาทั้งสองดังกล่าวต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีมีปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ต้องวินิจฉัยเพียงว่ากำแพงที่จำเลยสร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์บังทิศทางลมที่พัดมาจากทะเลสู่ห้องนอนโจทก์หรือไม่ ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จำเลยมีสิทธิฎีกาปัญหานี้ได้ตามปัญหานี้ คำเบิกความโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า กำแพงคอนกรีตที่จำเลยต่อเติมทำเป็นอาคาร 2 ชั้น นั้นบังทิศทางลมที่พัดจากทะเลเข้าห้องนอนโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนที่ขอให้บังคับจำเลยรื้อกำแพงคอนกรีตที่สร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์ออกและทำรั้วบ้านและผนังบ้านสู่สภาพเดิมเสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์