แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญารับจ้างซ่อมรถยนต์กับโจทก์โดยจำเลยต้องซ่อมให้แล้วเสร็จในวันที่20ตุลาคม2530หากผิดนัดโจทก์มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ทันทีตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ5หากจำเลยซ่อมไม่เสร็จตามสัญญาโดยโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาจำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันวันละ100บาทจนกว่าจำเลยจะซ่อมเสร็จและในระหว่างที่มีการปรับนั้นหากโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฎิบัติตามสัญญาต่อไปได้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ20นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ19(1)และวรรคสุดท้ายดังนี้ตามสัญญาจ้างข้อ5เป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเพราะไม่สามารถซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแต่คดีนี้เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วโจทก์ยังให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญาต่อไปโดยมีหนังสือแจ้งให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญาและสงวนสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญาต่อมาเมื่อจำเลยไม่อาจซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จได้โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาจึงเป็นการบอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ19ซึ่งนอกจากโจทก์จะมีสิทธิรับหลักประกันตามสัญญาจ้างข้อ20(1)แล้วโจทก์ยังมีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันในระหว่างที่ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ19(1)และวรรคสุดท้ายได้อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จ้างจำเลยซ่อมรถยนต์ แต่จำเลยผิดสัญญาจ้างขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับตามสัญญาพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าซ่อมรถยนต์พร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าปรับจำนวน10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าปรับรายวันตามสัญญาจ้างข้อ 19 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2530 จำเลยได้ทำสัญญารับจ้างซ่อมรถยนต์จิ๊ปหมายเลขทะเบียนโล่ 05723 ของโจทก์รวม 37 รายการ ค่าซ่อมรวมเป็นเงิน 29,500 บาท โดยจำเลยต้องซ่อมให้แล้วเสร็จในวันที่ 20 ตุลาคม 2530 หากผิดนัดโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันทีตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ 5 หากจำเลยซ่อมไม่เสร็จตามสัญญาโดยโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญา จำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันวันละ 100 บาท จนกว่าจำเลยจะซ่อมเสร็จ และในระหว่างที่มีการปรับนั้น หากโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฎิบัติ ตามสัญญาต่อไปได้ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 20 นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วย ตามที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างข้อ 19 (1) และวรรคสุดท้าย ต่อมาปรากฎว่าจำเลยได้ซ่อมรถยนต์ของโจทก์เสร็จเพียง 36 รายการ โดยไม่สามารถซ่อมรายการที่ 35 ตามสัญญาได้ ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม 2532โจทก์ได้มีหนังสือไปยังจำเลยขอสงวนสิทธิในการเรียกค่าปรับตามสัญญาและให้จำเลยปฎิบัติ ตามสัญญา และวันที่ 26 มิถุนายน2532 โจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยโดยจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว โจทก์คิดค่าปรับจำเลยตั้งแต่วันที่ 21ตุลาคม 2530 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2532 ซึ่งเป็นวันบอกเลิกสัญญารวม 616 วัน เป็นเงิน 61,600 บาท เห็นว่า ตามสัญญาจ้างข้อ 5 เป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเพราะจำเลยไม่สามารถซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญา แต่คดีนี้เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วโจทก์ยังให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญาต่อไป โดยมีหนังสือแจ้งให้จำเลยปฎิบัติ ตามสัญญาและสงวนสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญา ต่อมาภายหลังเมื่อจำเลยไม่อาจซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จได้ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ 19 ซึ่งนอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบหลักประกันตามสัญญาจ้างข้อ 20 (1) แล้วโจทก์ยังมีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันในระหว่างที่ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ 19 (1) และวรรคสุดท้ายได้อีก
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น