แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
การอัดกลีบตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครหมายถึงการอัดกลีบผ้าหรือสิ่งอื่นใดเพื่อให้เป็นจีบหรือเป็นกลีบแม้การอัดกลีบแล้วผ้าที่ได้อัดกลีบนั้นจะเปลี่ยนสภาพจากผ้าที่ใช้สอยเป็นสิ่งประดิษฐ์อย่างอื่นด้วยเช่นประดิษฐ์เป็นกลีบดอกไม้หรือใบไม้ถ้าหากเป็นการอัดกลีบโดยใช้เครื่องจักรแล้วก็ถือได้ว่าเป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบการค้าอัดกลีบ (ผ้า) โดยใช้เครื่องจักรเพื่อประดิษฐ์เป็นดอกไม้ผ้า โดยใช้เครื่องจักรปัมและอัดกลีบผ้า อันเป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรือเป็นอันตรายแก่สุขภาพที่บ้านเลขที่ 9/35 หมู่ที่ 11 ซอยขาวมีศรีถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จนก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนและเสียงดังก่อเหตุรำคาญแก่ผู้อาศัยใกล้เคียงโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2534 เวลากลางคืน เจ้าพนักงานท้องถิ่นสำนักเงินเขตพระโขนง มีคำสั่งเป็นหนังสือแจ้งไปยังจำเลยให้ระงับการประกอบการค้าดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนและเสียงดังรำคาญและจำเลยได้ทราบคำสั่งแล้วเมื่อเมื่อวันที่6 กุมภาพันธ์ 2534 แต่ระหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2534 ถึงวันที่12 พฤษภาคม 2534 เวลากลางวัน และกลางคืนต่อเนื่องกันจำเลยได้ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวโดยไม่หยุดประกอบการค้าดังกล่าวตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสาธารณสุขพ.ศ. 2484 มาตรา 19, 20, 23, 68, 74 วรรคสอง ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2526 ข้อ 4 (107)ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำเลยหยุดประกอบกิจการดังกล่าวและห้ามจำเลยก่อเหตุรำคาญนั้นขึ้นอีกต่อไป
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 19, 20, 23, 68, 74, วรรคสองข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2526 ข้อ 4 (107)ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษฐานประกอบการค้าซึ่งกำหนดให้ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 100 บาท และฐานไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามมาตรา 20 ปรับ 50 บาท รวมปรับ 150 บาท และห้ามจำเลยมิให้ประกอบการค้าดังกล่าวจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตกับห้ามจำเลยมิให้ก่อเหตุรำคาญนั้นขึ้นอีก ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยในความผิดฐานประกอบการค้าซึ่งกำหนดให้ควบคุมโดยมิได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2484 ประกอบข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2526 ข้อ 4 (107)นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เฉพาะข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยอัดกลีบผ้าเพื่อประดิษฐ์เป็นดอกไม้เทียมโดยใช้เครื่องจักรเป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพหรือไม่ เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2526 ข้อ 4 (107)ระบุไว้ว่า การซักรีด อัดกลีบ กัดสีผ้า โดยใช้เครื่องจักร เป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพสำหรับกรณีของจำเลยเป็นการอัดกลีบผ้าเพื่อประดิษฐ์เป็นดอกไม้เทียมโดยใช้เครื่องจักร เห็นว่า การอัดกลีบตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าวหมายถึงการอัดกลีบผ้าหรือสิ่งอื่นใดเพื่อให้เป็นจีบหรือกลีบ แม้การอัดกลีบแล้วผ้าที่อัดกลีบนั้นจะเปลี่ยนสภาพจากผ้าที่ใช้สอยเป็นสิ่งประดิษฐ์อย่างอื่นด้วย เช่น ประดิษฐ์เป็นกลีบดอกไม้หรือใบไม้ดังเช่นที่จำเลยกระทำ ถ้าหากเป็นการอัดกลีบโดยโดยใช้เครื่องจักรแล้วก็ถือได้ว่า เป็นการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องข้อหานี้มานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษาแก่เป็นว่า ความผิดฐานประกอบการค้าซึ่งกำหนดให้ควบคุมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์