คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5078/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินมือเปล่าของโจทก์จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน1ปีนับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครองหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทและศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นนี้จึงเป็นการไม่ชอบและเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เดิม ที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 86 เป็น ของ นาย มูลฑา หรือ มณฑา คำศรี หรือคำสี และนางอำคา คำศรีหรือคำสี เมื่อ วันที่ 20 พฤษภาคม 2524 นาง อำคา ได้ ขาย ที่ดิน ดังกล่าว บางส่วน เนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน ให้ โจทก์ ใน ราคา 22,500 บาท และ นาง อำคา ได้ ส่งมอบ ที่ดิน ให้ โจทก์ ครอบครอง ต่อมา วันที่ 12 พฤษภาคม 2532 จำเลย ได้บุกรุก เข้า ไป ใน ที่ดิน ของ โจทก์ โดย จ้างเหมา รถ เข้า ไป เกรด ทำลายบ่อปลา และ ตัด ฟัน ต้น ไม้ หลาย ต้น โจทก์ ได้ ห้ามปราม แต่ จำเลย และ บริวารก็ ไม่ เชื่อฟัง การกระทำ ของ จำเลย เป็น การ ละเมิด สิทธิ โจทก์ ทำให้ โจทก์ขาด ประโยชน์ ที่ ควร ได้รับ จาก ที่ดินพิพาท ใช้ ใน การ เลี้ยง ปลา และทำ พืชไร่ โจทก์ จึง ขอ เรียก ค่าเสียหาย ปี ละ 10,000 บาท ขอให้บังคับ ให้ จำเลย และ บริวาร ออกจาก ที่ดิน ตาม หนังสือ แจ้ง การ ครอบครอง(ส.ค.1 ) เลขที่ 86 เนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน และ ห้าม จำเลย กับ บริวารมิให้ เกี่ยวข้อง อีก ต่อไป ให้ จำเลย ชำระ ค่าเช่า ที่ดิน หรือ ค่าเสียหายค่าขาดประโยชน์ ใน ปี พ.ศ. 2532 และ ปี พ.ศ. 2533 จำนวน 20,000 บาทและ ใน ปี ต่อไป อีก ปี ละ 10,000 บาท จนกว่า จำเลย และ บริวาร จะ ได้ ออกจากที่ดินพิพาท
จำเลย ให้การ ว่า โจทก์ ไม่ใช่ เจ้าของ ที่ดิน จึง ไม่มี อำนาจฟ้องก่อน นาง อำคา ถึงแก่กรรม ได้ ทำ พินัยกรรม ยก ที่ดิน เนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา ให้ จำเลย จำเลย จึง มีสิทธิ เข้า ไป ทำประโยชน์ใน ที่ดิน ไม่เป็น การ ละเมิด ต่อ โจทก์ ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความ เรียกร้องสิทธิ ครอบครอง ที่ดิน เพราะ พ้น กำหนด 1 ปี แล้ว โจทก์ เสียหายไม่เกิน ปี ละ 100 บาท ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ที่ โจทก์ ฎีกา ว่าคดี ของ โจทก์ ไม่ขาดอายุความเพราะ โจทก์ ฟ้อง จำเลย ข้อหา ละเมิด เรียก ค่าเสียหาย และ ขณะ นี้จำเลย ยัง คง กระทำ อยู่ จึง ต้อง นำ อายุความ ตาม ประมวล กฎหมาย แพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 448 มา ใช้ บังคับ ไม่ใช่ กรณี ที่ โจทก์ ฟ้องคดี เพื่อขอ คืน ซึ่ง การ ครอบครอง ที่ จะ ต้อง ฟ้อง เรียก เอาคืน ภายใน กำหนด 1 ปีจึง นำ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มา ใช้ บังคับ ใน กรณี นี้ไม่ได้ นั้น เห็นว่า โจทก์ ฟ้อง ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ที่ดิน ที่ มี แต่เพียงใบ แจ้ง การ ครอบครอง ที่ดิน โจทก์ ซื้อ มาจาก นาง อำคา คำศรี เมื่อ วันที่ 12 พฤษภาคม 2532 จำเลย บุกรุก เข้า ไป ทำลาย บ่อปลา และตัด ฟัน ต้น ไม้ ขอให้ ขับไล่ จำเลย และ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท และชำระ ค่าเสียหาย จำเลย ให้การ ต่อสู้ คดี ว่า นาง อำคา คำศรี มารดา จำเลย ทำ พินัยกรรม ยก ที่ดินพิพาท ให้ แก่ จำเลย จำเลย จึง มีสิทธิที่ จะ เข้า ไป ทำประโยชน์ ใน ที่ดินพิพาท เมื่อ จำเลย ให้การ ต่อสู้ คดีว่า ที่ดินพิพาท เป็น ของ จำเลย คดี จึง ไม่มี ประเด็น ข้อพิพาท ว่า โจทก์ฟ้องคดี เพื่อ เอาคืน ซึ่ง การ ครอบครอง ภายใน 1 ปี นับแต่ เวลา ที่ถูก แย่ง การ ครอบครอง หรือไม่ การ ที่ ศาลชั้นต้น กำหนด ประเด็น ข้อพิพาทใน ข้อ นี้ และ ศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ใน ประเด็น ดังกล่าวแล้ว พิพากษายก ฟ้องโจทก์ นั้น จึง เป็น การ ไม่ชอบ ปัญหา นี้ เป็น ปัญหาข้อกฎหมาย อัน เกี่ยวกับ ความสงบ เรียบร้อย ของ ประชาชน ศาลฎีกา มีอำนาจยกขึ้น วินิจฉัย เอง ได้ ส่วน ประเด็น ที่ ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ของ โจทก์หรือ ของ จำเลย นั้น ศาลอุทธรณ์ ยัง ไม่ได้ วินิจฉัย ศาลฎีกา เห็นสมควรวินิจฉัย ไป โดย ไม่ต้อง ย้อนสำนวน ไป ให้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ใหม่ ”
พิพากษากลับ ว่า ให้ จำเลย และ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดิน ตามหนังสือ แจ้ง การ ครอบครอง ที่ดิน เลขที่ 86 หมู่ ที่ 5 ตำบล เขาสามยอด อำเภอ เมือง ลพบุรี จังหวัด ลพบุรี ตาม แผนที่ พิพาท ห้าม จำเลย และ บริวารเข้า ไป เกี่ยวข้อง ใน ที่ดินพิพาท อีก ต่อไป ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหาย แก่โจทก์ ปี ละ 2,000 บาท นับ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2532 เป็นต้น ไป จนกว่าจำเลย และ บริวาร จะ ได้ ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท

Share