คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4792/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องของจำเลยที่ขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับโทษจำคุกตลอดชีวิตอีกคดีหนึ่งนั้นมิได้แสดงว่าคดีทั้งสองเกี่ยวกับพันกันอย่างไรและโจทก์อาจฟ้องรวมกันมาในคดีเดียวกันได้หรือไม่หรือหากโจทก์ฟ้องแยกกันมาศาลอาจมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกแก่การพิจารณาพิพากษาทั้งยังปรากฏว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าผู้อื่นส่วนคดีที่จำเลยขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับคดีดังกล่าวนั้นจำเลยถูกฟ้องในข้อหาต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยเหตุเกิดต่างกันด้วยจึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกันไม่อาจรวมการพิจารณาพิพากษาได้หากจะให้รวมการนับโทษตามคำร้องของจำเลยก็เท่ากับว่าผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก50ปีถ้ากระทำความผิดอื่นอีกก็ไม่ต้องรับโทษซึ่งมิใช่เจตนารมณ์ของกฎหมายประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่, 340 ตรี, 289(7), 83,80 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 289(7) ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกตลอดชีวิต ริบของกลางให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 137,900 บาท แก่เจ้าทรัพย์ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 301/2527 ของศาลอาญา ซึ่งมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลนับรวมโทษของจำเลยเข้าด้วยกันมิใช่นับโทษต่อตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลฎีกาได้
จำเลย อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 301/2527 ของศาลอาญา ซึ่งพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(3) นั้น เห็นว่า กรณีตามที่จำเลยอ้างในฎีกา จะต้องปรากฏว่าคดีอื่นดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดในลักษณะที่เกี่ยวพันกับคดีนี้จนอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ แต่คำร้องของจำเลยลงวันที่ 2 มกราคม 2535 ที่ขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับโทษจำคุกตลอดชีวิตอีกคดีหนึ่งนั้นมิได้แสดงว่าคดีทั้งสองเกี่ยวพันกันอย่างไรและโจทก์อาจฟ้องรวมกันมาในคดีเดียวกันได้หรือไม่ หรือหากโจทก์ฟ้องแยกกันมาศาลอาจมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกแก่การพิจารณาพิพากษา ทั้งยังปรากฏว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าผู้อื่น เหตุเกิดวันที่ 1 เมษายน 2526 ที่ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และปรากฏในทางพิจารณาว่าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 301/2517 ของศาลอาญา ที่จำเลยขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับคดีดังกล่าวนั้น จำเลยถูกฟ้องในข้อหาต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เหตุเกิดเดือนกรกฎาคม 2526 จึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกัน ไม่อาจรวมกันพิจารณาพิพากษาได้ หากจะให้รวมการนับโทษตามคำร้องของจำเลยก็เท่ากับว่าผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 50 ปีถ้ากระทำความผิดอื่นอีกก็ไม่ต้องรับโทษ มิใช่เจตนารมณ์ของกฎหมายประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น ดังจะเห็นได้จากคำพิพากษาฎีกาที่5645/2534 ที่จำเลยนำมาอ้างก็ได้กล่าวไว้ว่าเหตุที่นับโทษไม่ได้เพราะเป็นกรณีที่อาจฟ้องรวมกันได้ แต่โจทก์แยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งแม้ศาลมิได้สั่งรวมการพิจารณาพิพากษาก็นับโทษต่อไม่ได้ข้อเท็จจริงจึงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน

Share