แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บ. ลูกจ้างของจำเลยร่วมที่1ให้จำเลยที่1ทำงานแทนเมื่อจำเลยที่1ขับรถบรรทุกซึ่งอยู่ในระหว่างส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าของจำเลยร่วมที่1ด้วยความประมาทเลินเล่อชนโรงภาพยนตร์ของโจทก์เสียหายการละเมิดนี้ย่อมนับว่าอยู่ในกรอบแห่งการที่จำเลยร่วมที่1จ้างจำเลยร่วมที่1จะอ้างว่า บ. มิใช่ลูกจ้างและจำเลยที่1บุตร บ. เป็นผู้กระทำละเมิดเพื่อให้ตนพ้นความรับผิดหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ใช้ ค่าสินไหมทดแทน ที่จำเลย ที่ 1 กระทำ ละเมิด ขับ รถบรรทุก ชน โรงภาพยนตร์ โจทก์ เสียหายเป็น เงิน 580,892.46 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่งต่อ ปี ของ ต้นเงิน 570,000 บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จแก่ โจทก์
จำเลย ที่ 1 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
จำเลย ที่ 2 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 1 มิใช่ ลูกจ้าง ของ จำเลย ที่ 2จำเลย ที่ 2 ไม่ต้อง รับผิด ขอให้ ยกฟ้อง
ระหว่าง พิจารณา โจทก์ ยื่น คำร้องขอ ให้ เรียก ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจี่ยเจ็งกี่และนายดุสิต จียาศักดิ์ หุ้นส่วน ผู้จัดการ เข้า มา เป็น จำเลยร่วม ศาลชั้นต้น อนุญาต โดย ให้ เรียก ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจี่ยเจ็งกี่และนายดุสิต จียาศักดิ์ ว่า จำเลยร่วม ที่ 1 และ จำเลยร่วม ที่ 2 ตามลำดับ
จำเลยร่วม ทั้ง สอง ให้การ ว่า จำเลย ที่ 2 ไม่ได้ นำ รถยนต์บรรทุกคัน หมายเลข ทะเบียน 80-0545 ยโสธร มา วิ่ง ร่วม กับ จำเลยร่วม ที่ 1แต่ นำ มา รับจ้าง จำเลยร่วม ที่ 1 จำเลย ที่ 2 เป็น ผู้ควบคุม และขับ รถยนต์บรรทุก คัน ดังกล่าว ด้วย ตนเอง จำเลย ที่ 1 ไม่ได้ เป็น ลูกจ้างของ จำเลยร่วม ที่ 1 ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ทั้ง สอง และ จำเลยร่วม ทั้ง สอง ร่วมกันชำระ เงิน 100,000 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปีนับแต่ วันที่ 7 มกราคม 2533 ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
โจทก์ และ จำเลยร่วม ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ จำเลย ทั้ง สอง และจำเลยร่วม ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน 305,000 บาท แก่ โจทก์ นอกจากที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
โจทก์ และ จำเลยร่วม ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า จำเลยร่วม ที่ 2 เบิกความ ยอมรับ ว่าจำเลยร่วม ที่ 1 ได้ว่า จ้าง นาย บุญมี ศรีใสดำ เป็น ผู้ขนส่ง สินค้า ใน จังหวัด ยโสธร เพียง ผู้เดียว นาย บุญมี พยาน จำเลย ที่ 2 ก็ เบิกความ ว่า รับจ้าง จำเลยร่วม ที่ 1 มา 10 ปี แล้ว และ เบิกความ ว่า ขับรถยนต์บรรทุก ของ จำเลย ที่ 2 ส่ง สินค้า ใน จังหวัด ยโสธร ใน นาม ของจำเลยร่วม ที่ 1 ใน การ ขนส่ง สินค้า ดังกล่าว นาย บุญมี จะ ต้อง ส่ง สินค้า ตาม รายการ ที่ จำเลย ที่ 2 เป็น ผู้กำหนด แสดง ให้ เห็นว่า จำเลยร่วม ที่ 1โดย จำเลยร่วม ที่ 2 ควบคุม การ ทำงาน ของ นาย บุญมี นาย บุญมี ทำ กิจการ ให้ จำเลยร่วม ที่ 1 และ จำเลยร่วม ที่ 1 ก็ เป็น ผู้จ่าย ค่าจ้างให้ แก่ นาย บุญมี นาย บุญมี จึง เป็น ลูกจ้าง ของ จำเลยร่วม ที่ 1นาย บุญมี เบิกความ ว่า จำเลย ที่ 1 ช่วย ขนสินค้า มา ก่อน เกิดเหตุ 5-6 ปี แล้ว แม้ จะ เป็น งาน ที่ จำเลย ที่ 1 ทำ อยู่ เป็น ประจำ ก็ ตามแต่ ข้อเท็จจริง ก็ ยัง ฟังได้ ไม่ ชัดแจ้ง ว่า จำเลย ที่ 1 ได้รับ ค่าจ้างจาก จำเลยร่วม ที่ 1 คง ฟังได้ แต่เพียง ว่า นาย บุญมี ลูกจ้าง ของ จำเลยร่วม ที่ 1 ให้ จำเลย ที่ 1 ทำงาน ให้ แทน เมื่อ จำเลย ที่ 1ขับ รถยนต์บรรทุก ซึ่ง อยู่ ใน ระหว่าง ส่ง สินค้า ให้ แก่ ลูกค้า ของจำเลยร่วม ที่ 1 ด้วย ความประมาท เลินเล่อ ชน โรงภาพยนตร์ ของ โจทก์เสียหาย การ ละเมิด นี้ ย่อม นับ ว่า อยู่ ใน กรอบ แห่ง การ ที่ จำเลยร่วม ที่ 1จ้าง จำเลยร่วม ที่ 1 จะ อ้างว่า นาย บุญมี มิใช่ ลูกจ้าง และ จำเลย ที่ 1 บุตร นาย บุญมี เป็น ผู้กระทำ ละเมิด เพื่อ ให้ ตน พ้น ความรับผิด หาได้ไม่ จำเลยร่วม ทั้ง สอง จึง ต้อง ร่วม กับ จำเลย ที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหาย ให้ แก่ โจทก์
พิพากษายืน