คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3086/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มอบให้จำเลยทั้งสองดูแลที่ดินพิพาทของโจทก์แทนจำเลยทั้งสองให้การว่าโจทก์ยกที่ดินพิพาทให้และจำเลยทั้งสองครอบครองโดย เจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์ไม่ฟ้องภายใน1ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองการที่ศาลอุทธรณ์ภาค1วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้แต่ให้จำเลยทั้งสอง ครอบครองแทนและว่าจำเลยทั้งสองต้องบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทแทนต่อไปเป็นการวินิจฉัยว่าโจทก์ขาดสิทธิฟ้องเพื่อเอาคืนการครอบครองแล้วหรือไม่ตามที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้องคำให้การและฟ้องอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ ผู้ครอบครอง ที่ดิน ตาม แบบ แจ้งการ ครอบครอง ที่ดิน (ส.ค.1 ) เลขที่ 92 โจทก์ มอบ ให้ จำเลย ทั้ง สองยึดถือ ทำกิน ใน ที่ดิน ดังกล่าว แทน โจทก์ แต่ จำเลย ทั้ง สอง กลับ ดำเนินการออก หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก. ) ทะเบียน เลขที่ 854ระบุ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ครอบครอง และ ทำประโยชน์ ใน ที่ดิน แปลง ดังกล่าวแล้ว ขอให้ พิพากษา ว่า โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดินพิพาทเพิกถอน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก. ) ทะเบียน เลขที่ 854กับ ห้าม จำเลย ทั้ง สอง และ บริวาร เข้า เกี่ยวข้อง กับ ที่ดินพิพาท อีก ต่อไป
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ว่า เดิม ที่ดินพิพาท เป็น ของ โจทก์ มี เนื้อที่10 ไร่ เศษ เมื่อ ประมาณ พ.ศ. 2510 โจทก์ ยก ที่ดินพิพาท ให้ แก่จำเลย ทั้ง สอง จำเลย ทั้ง สอง ครอบครอง ที่ดินพิพาท ตลอดมา และ ได้ ก่อสร้างเพิ่มเติม จน มี เนื้อที่ 25 ไร่ 26 ตารางวา ต่อมา จำเลย ทั้ง สองดำเนินการ ออก หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น. ส 3 ก. ) ตาม ฟ้องที่ดินพิพาท จึง เป็น ของ จำเลย ทั้ง สอง คดี ขาดอายุความ เพราะ โจทก์ไม่ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง ภายใน 1 ปี นับแต่ วันที่ โจทก์ ถูก แย่ง การ ครอบครองขอให้ พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครองที่ดินพิพาท ให้ เพิกถอน น.ส.3 ก. เลขที่ 854 ตำบล หลุมข้าว อำเภอ โนนสูง จังหวัด นครราชสีมา ห้าม จำเลย ทั้ง สอง และ บริวาร เข้า เกี่ยวข้อง ใน ที่ดินพิพาท
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “มี ปัญหาข้อกฎหมาย ตาม ที่ จำเลย ทั้ง สอง ฎีกาว่า คดี ไม่มี ประเด็น ว่า จำเลย ทั้ง สอง ครอบครอง ที่ดินพิพาท แทน โจทก์หรือไม่ จำเลย ต้อง บอกกล่าว ว่า จะ ไม่ ยึดถือ ที่ดินพิพาท แทน โจทก์อีก ต่อไป ก่อน หรือไม่ และ โจทก์ มิได้ อุทธรณ์ ใน เรื่อง นี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เรื่อง ดังกล่าว เป็น การ วินิจฉัย นอก คำฟ้อง และ นอก คำอุทธรณ์ของ โจทก์ เห็นว่า คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ของ โจทก์ มอบ ให้จำเลย ทั้ง สอง ดูแล แทน จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ว่า ที่ดินพิพาท โจทก์ ยกให้จำเลย ทั้ง สอง จำเลย ทั้ง สอง ครอบครอง โดย เปิดเผย เจตนา เป็น เจ้าของโจทก์ ไม่ ดำเนินการ ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง ภายใน ระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ โจทก์ ถูก แย่ง การ ครอบครอง การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิจารณา แล้ววินิจฉัย ว่า โจทก์ ไม่ได้ ยก ที่ดินพิพาท ให้ จำเลย ทั้ง สอง แต่ ให้จำเลย ทั้ง สอง ครอบครองแทน โจทก์ และ วินิจฉัย ว่า จำเลย ทั้ง สอง ต้องบอกกล่าว ไป ยัง โจทก์ ว่า ไม่มี เจตนา ที่ จะ ยึดถือ ที่ดินพิพาท แทน โจทก์ต่อไป ก็ เป็น การ วินิจฉัย ใน ปัญหา ที่ ว่า โจทก์ ขาด สิทธิ ฟ้องคดี เพื่อเอาคืน การ ครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสองแล้ว หรือไม่ และ ปัญหา เหล่านี้ โจทก์ ได้ ยื่น อุทธรณ์ ต่อ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1แล้ว การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 วินิจฉัย ใน เรื่อง ดังกล่าว จึง เป็น การวินิจฉัย ตาม คำฟ้อง คำให้การ และ คำฟ้อง อุทธรณ์ ของ โจทก์ ไม่เป็น การวินิจฉัย นอก คำฟ้อง คำให้การ และ คำฟ้อง อุทธรณ์ แต่อย่างใดศาลอุทธรณ์ ภาค 1 วินิจฉัย ชอบแล้ว ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share