แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา43,78,157,160วรรคหนึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่1เดือนลงมาจึงมีอายุความเพียง1ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา95(5)จำเลยกระทำความผิดวันที่4มกราคม2529นับถึงวันฟ้องคือวันที่8มิถุนายน2537คดีของโจทก์สำหรับความผิดตามมาตราดังกล่าวจึงเป็นอันขาดอายุความสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(6)ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมกล่าวคือ จำเลยขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน อุตรดิตถ์ค-3532 ไปตามถนนสายบรมอาสน์จากทิศตะวันออกมุ่งหน้าไปทางสามแยกห้วยไผ่ทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูงเมื่อถึงบริเวณซอย 9 ถนนบรมอาสน์ ซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือของจำเลยมีเด็กชายบุญยง ชมภู อายุ 9 ปี ผู้เสียหายกำลังเดินข้ามถนนด้วยความประมาทของจำเลยไม่ชะลอความเร็วของรถลง ทำให้รถของจำเลยชนผู้เสียหายขณะกำลังเดินข้ามถนน เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสเมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 78, 157, 160 ความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุจำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 160 วรรคแรก ให้จำคุก 1 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 15 วัน รวมเป็นจำคุก 6 เดือน 15 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษฟังไม่ขึ้น
ข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 78, 157, 160 นั้น มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือนลงมา จึงมีอายุความเพียง 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95(5) คดีนี้จำเลยกระทำความผิดวันที่ 4 มกราคม 2529นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 8 มิถุนายน 2537 คดีของโจทก์สำหรับความผิดตามบทมาตราดังกล่าว จึงเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(6) ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160นอกจากที่แก้คงให้บังคับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2