คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้จ่ายและได้รับรองตั๋วแลกเงินอันต้องผูกพันจ่ายเงินตามเนื้อความแห่งคำรับรองของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา937ย่อมอยู่ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นอย่างเดียวกับลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินลูกหนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะที่มีความผูกพันอยู่แล้วก่อนเจ้าหนี้ตามมาตรา967วรรคสามเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยบังคับเอาแก่ลูกหนี้ได้

ย่อยาว

คดี สืบเนื่อง มาจาก ศาลชั้นต้น มี คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ของ ลูกหนี้(จำเลย ) ที่ 1 และ ที่ 3 เด็ดขาด เมื่อ วันที่ 26 กันยายน 2533เจ้าหนี้ ได้ ยื่น ขอรับ ชำระหนี้ จาก กอง ทรัพย์สิน ของ ลูกหนี้ ที่ 1และ ที่ 3 รวม 4 อันดับ อันดับ ที่ 1 หนี้ ตาม คำขอ ออก หนังสือ ค้ำประกันอันดับ ที่ 2 หนี้ ตาม สัญญากู้ เบิกเงินเกินบัญชี อันดับ ที่ 3หนี้ เงินกู้ และ อันดับ ที่ 4 หนี้ อาวัล ตั๋วเงิน รวมเป็น เงิน ทั้งสิ้น157,169,191.02 บาท รายละเอียด ปรากฏ ตาม บัญชี ท้าย คำขอ รับชำระหนี้และ เอกสาร ที่ เจ้าหนี้ อ้าง ส่ง
เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ นัด ตรวจ คำขอ รับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มี ผู้ใดโต้แย้ง คำขอ รับชำระหนี้ ของ เจ้าหนี้
เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ สอบสวน แล้ว เห็นว่า ควร ให้ เจ้าหนี้ได้รับ ชำระหนี้ ใน มูลหนี้ อันดับ ที่ 1, 2 และ 3 จาก กอง ทรัพย์สิน ของลูกหนี้ ที่ 1 รวมเป็น เงิน 135,178,718.44 บาท โดย ใน หนี้ ดังกล่าวให้ ลูกหนี้ ที่ 3 ร่วมรับผิด จำนวน 19,280,000 บาท ตาม มาตรา 130(8)แห่ง พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดย มี เงื่อนไข ใน หนี้ อันดับที่ 1 เจ้าหนี้ จะ ได้รับ ชำระหนี้ ต่อเมื่อ เจ้าหนี้ ได้ ปฏิบัติการชำระหนี้ ตาม สัญญาค้ำประกัน ให้ แก่ กรมชลประทาน กรมทางหลวงและ การ เคหะ แห่งชาติ แล้ว และ หาก ได้รับ ชำระหนี้ อันดับ ที่ 1, 2 และ 3จาก นาย ทองเธียร กุยกานนท์ นายคมจักร ศักดิ์ศรี นายชนัฏ เรืองกฤตยา นาย สมาน เลิศวิทยา นายทรงชัย แพเจริญ นายสันติ พร้อมทวีสิทธิ์ นาย มานะ ปางศรี บริษัทไทยพัฒนาวิสาหกิจ จำกัด นาย สมเกียรติ ยืนยงวัฒนากร และนายปรีชา อภินันท์กูล ผู้ค้ำประกัน ร่วม หรือ บังคับจำนอง ที่ดิน โฉนด เลขที่ 11014 ถึง 11023, 11177 ถึง 11185,11062, 11064, 11066 และ 7426 ตำบล ประชาธิปัตย์ (คลองรังสิตฝั่งเหนือ) อำเภอธัญบุรี (กลางเมือง) จังหวัด ปทุมธานี (ธันบุรี ) พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ที่ มี อยู่ หรือ จะ มี ขึ้น ภายหน้า ไป แล้วเพียงใด ก็ ให้สิทธิ ที่ จะ ได้รับ ชำระหนี้ ใน คดี นี้ ลดลง เพียง นั้นสำหรับ หนี้ อันดับ ที่ 4 และ ส่วน ที่ ขอ เกิน มา ให้ยก เสีย
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง อนุญาต ให้ เจ้าหนี้ ได้รับ ชำระหนี้ ตาม ความเห็นของ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
เจ้าหนี้ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี คง มี ปัญหา ตาม ฎีกา ของ เจ้าหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิ ได้รับ ชำระหนี้ ใน มูลหนี้ อันดับ ที่ 4 ซึ่ง ได้รับ รองตั๋วแลกเงิน รวม 116 ฉบับ เป็น เงิน 19,996,724.08 บาท หรือไม่เพียงใด ปัญหา ดังกล่าว ข้อเท็จจริง ที่ มิได้ โต้เถียง กัน ใน ชั้น นี้ ฟังยุติ ตาม ทาง สอบสวน ของ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ และ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ว่า ลูกหนี้ ที่ 1 ได้ ออก ตั๋วแลกเงิน รวม 116 ฉบับ สั่ง ให้ เจ้าหนี้สำนัก พหลโยธิน จ่ายเงิน ให้ แก่ บุคคล ที่ ระบุ ใน ตั๋วแลกเงิน โดย เจ้าหนี้ได้ ลงลายมือชื่อ ไว้ ด้านหน้า ของ ตั๋วแลกเงิน ใต้ ข้อความ ว่า”รับรอง แล้ว ” หรือ ข้อความ ว่า “ข้าพเจ้า ธนาคาร กสิกรไทย (สำนัก พหลโยธิน ) รับรอง จ่ายเงิน ตาม ตั๋วแลกเงิน นี้ ” ปรากฏ ตามตั๋วแลกเงิน เอกสาร หมาย จ. 44/1 ถึง จ. 44/116 อันเป็น การ รับรองตั๋วแลกเงิน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 931 เมื่อตั๋วแลกเงิน แต่ละ ฉบับ ถึง กำหนด ชำระ ผู้ทรง ได้ เรียกเก็บเงิน ตามตั๋วแลกเงิน เจ้าหนี้ ได้ จ่ายเงิน ไป ตาม ตั๋วแลกเงิน ทุก ฉบับ ปัญหา ตามฎีกา ซึ่ง เจ้าหนี้ ฎีกา ว่า เจ้าหนี้ มีสิทธิ ไล่เบี้ย บังคับ เอา แก่ลูกหนี้ ที่ 1 ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 นั้นเห็นว่า มาตรา 967 บัญญัติ ว่า “ใน เรื่อง ตั๋วแลกเงิน นั้น บรรดา บุคคลผู้สั่งจ่าย ก็ ดี รับรอง ก็ ดี สลักหลัง ก็ ดี หรือ รับประกัน ด้วย อาวัล ก็ ดีย่อม ต้อง ร่วมกัน รับผิด ต่อ ผู้ทรง
ผู้ทรง ย่อม มีสิทธิ ว่ากล่าว เอาความ แก่ บรรดา บุคคล เหล่านี้เรียงตัว หรือ รวมกัน ก็ ได้ โดย มิพัก ต้อง ดำเนิน ตามลำดับ ที่ บุคคลเหล่านั้น มา ต้อง ผูกพัน
สิทธิ เช่นเดียวกัน นี้ ย่อม มี แก่ บุคคล ทุกคน ซึ่ง ได้ ลงลายมือชื่อใน ตั๋วเงิน และ เข้า ถือเอา ตั๋วเงิน นั้น ใน การ ที่ จะ ใช้ บังคับ เอา แก่ผู้ที่ มี ความผูกพัน อยู่ แล้ว ก่อน ตน ฯลฯ ” ซึ่ง ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าววรรคสาม ผู้ที่ ลงลายมือชื่อ ใน ตั๋วแลกเงิน และ เข้า ถือเอา ตั๋วแลกเงินนั้น จะ มีสิทธิ ไล่เบี้ย บังคับ เอา แก่ ผู้ที่ มี ความผูกพัน ตาม ตั๋วแลกเงินได้ เฉพาะ ผู้ที่ มี ความผูกพัน อยู่ แล้ว ก่อน ตน เท่านั้น ดังนี้ เจ้าหนี้ซึ่ง เป็น ผู้จ่าย และ ได้รับ รอง ตั๋วแลกเงิน อัน ต้อง ผูกพัน จ่ายเงิน ตามเนื้อความ แห่ง คำรับ รอง ของ ตน ตาม มาตรา 937 ย่อม อยู่ ใน ฐานะ ลูกหนี้ชั้นต้น อย่างเดียว กับ ลูกหนี้ ที่ 1 ซึ่ง เป็น ผู้สั่งจ่าย ตั๋วแลกเงินลูกหนี้ ที่ 1 ไม่ได้ อยู่ ใน ฐานะ ที่ มี ความผูกพัน อยู่ แล้ว ก่อน เจ้าหนี้ตาม มาตรา 967 วรรคสาม เจ้าหนี้ จึง ไม่มี สิทธิ ไล่เบี้ย บังคับ เอา แก่ลูกหนี้ ที่ 1 ได้ ส่วน ข้อ ที่ เจ้าหนี้ ฎีกา ว่า จำเลย ที่ 1 มี ข้อตกลงกับ เจ้าหนี้ ว่า เมื่อ เจ้าหนี้ ได้รับ รอง และ จ่ายเงิน ไป ตาม ตั๋วแลกเงินแล้ว ลูกหนี้ ที่ 1 จะ ชำระ เงิน ตาม ตั๋วแลกเงิน พร้อม ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม ให้ แก่ เจ้าหนี้ ข้อตกลง ดังกล่าว ไม่มี กฎหมาย บังคับ ให้ต้อง ทำ เป็น หนังสือ ทั้ง เจ้าหนี้ มี ตั๋วแลกเงิน เป็น หลักฐาน แห่ง หนี้จึง มีสิทธิ ได้รับ ชำระหนี้ จาก ลูกหนี้ ที่ 1 ตาม ข้อตกลง นั้น เห็นว่าแม้ กรณี ตาม ที่ อ้าง จะ ไม่มี กฎหมาย บังคับ ให้ ต้อง ทำ เป็น หนังสือ ก็ ตามแต่ เจ้าหนี้ เป็น ธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง การ ที่ จะ กระทำการ ใด เพื่อ ให้ ผูกพันลูกหนี้ ที่ 1 และ ไม่ให้ เกิด เป็น ปัญหา โต้เถียง กัน ก็ น่า ที่ จะ ต้องมี หลักฐาน เป็น หนังสือ ไว้ ประกอบ กับ จำนวนเงิน ตาม ตั๋วแลกเงินเป็น จำนวน มาก ถึง สิบ กว่า ล้าน บาท ไม่มี เหตุผล ให้ เชื่อ ว่า เจ้าหนี้ จะ ยอมรับรอง และ จ่ายเงิน ไป ตาม ตั๋วแลกเงิน โดย เพียงแต่ เหตุ ที่ ลูกหนี้ ที่ 1เป็น ลูกค้า ราย ใหญ่ ถึง กับ ผ่อนผัน ให้ ไม่ต้อง ทำ สัญญา และ ให้ ถือ ตามประเพณี และ วิธี ปฏิบัติ ของ ธนาคารพาณิชย์ ตาม คำของ นาย ไพศาล ปิณจีเสคิกุล ผู้รับมอบอำนาจ เจ้าหนี้ ที่ ให้การ ต่อ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ ข้ออ้าง ของ เจ้าหนี้ ไม่มี น้ำหนัก ให้ รับฟัง ที่ ศาลล่างทั้ง สอง ให้ยก คำขอ รับชำระหนี้ อันดับ ที่ 4 ของ เจ้าหนี้ ตาม ความเห็นของ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share