แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสองฟ้องให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองคนละจำนวนแยกจากกันโดยเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมาในอัตราสูงสุดเป็นเงินคนละ200,000บาทเมื่อจำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องในอัตราสูงสุดคนละ200,000บาท
ย่อยาว
คดี สืบเนื่อง มาจาก โจทก์ ทั้ง สอง ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงินจำนวน 86,538,017.68 บาท แก่ โจทก์ ที่ 1 จำนวนเงิน 137,220,392.68บาท แก่ โจทก์ ที่ 2 พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับ ถัดจาก วันฟ้อง จาก ต้นเงิน 62,503,985.89 บาท และ 99,110,445.52 บาทตามลำดับ จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ ทั้ง สอง หาก จำเลย ไม่ชำระก็ ให้ จำเลย โอน ที่ดิน ตาม เอกสาร ท้ายฟ้อง รวม 27 แปลง แก่ โจทก์ ทั้ง สอง
จำเลย ให้การ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 62,503,985.89 บาทแก่ โจทก์ ที่ 1 จำนวนเงิน 99,110,445.52 บาท แก่ โจทก์ ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 5 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 4 กันยายน 2528 เป็นต้น ไปจนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ ทั้ง สอง คำขอ อื่น ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์ คำพิพากษา และ คำสั่ง ที่ ให้ จำเลย เสีย ค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ เพิ่ม อีก 200,000 บาท
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลชั้นต้น ตรวจ ฎีกา แล้ว มี คำสั่ง ให้ จำเลย เสีย ค่าขึ้นศาล ชั้นฎีกาเพิ่ม อีก 200,000 บาท และ ค่าขึ้นศาล ชั้นฎีกา คำสั่ง อีก 200 บาทโดย ให้ นำ มา วางศาล ภายใน 15 วัน นับแต่ วัน นี้ มิฉะนั้น จะ ถือว่าจำเลย ทิ้งฟ้อง ฎีกา
จำเลย อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “จำเลย ฎีกา ว่า คดี นี้ จำเลย มี เพียง คนเดียวการ ที่ ศาลอุทธรณ์ มี คำพิพากษา ยืน ให้ จำเลย เสีย ค่าขึ้นศาล ชั้นฎีกาเป็น จำนวนเงิน ถึง 400,000 บาท ย่อม เกินกว่า ที่ กำหนด ใน ตาราง 1ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันเป็น การ ขัด ต่อ บทบัญญัติของ กฎหมาย โดยตรง ทั้ง ยัง เป็น การ ตีความ ไป ใน ทาง ที่ เป็น โทษ แก่ จำเลยขัด ต่อ หลัก ทั่วไป ใน เรื่อง การ ตีความ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 11 อีก ด้วย เห็นว่า แม้ คดี นี้ จำเลย จะ มี เพียง คนเดียวแต่ ฟ้องโจทก์ ก็ เรียกร้อง ให้ จำเลย ชำระหนี้ แก่ โจทก์ ทั้ง สอง คน ละ จำนวนแยก จาก กัน ซึ่ง โจทก์ ทั้ง สอง ได้เสีย ค่าขึ้นศาล ตาม จำนวน ทุนทรัพย์ที่ โจทก์ แต่ละ คน เรียกร้อง มา ใน อัตรา สูงสุด เป็น เงิน คน ละ 200,000 บาทเมื่อ ฎีกา ของ จำเลย เป็น ฎีกา ที่ ขอให้ ยกฟ้อง โจทก์ ทั้ง สอง จึง เป็นการ พิพาท กัน ใน ชั้นฎีกา ตาม จำนวน ทุนทรัพย์ ที่ โจทก์ ทั้ง สอง เรียกร้องมา แต่ละ คน จำเลย ต้อง เสีย ค่าขึ้นศาล ชั้นฎีกา ตาม จำนวน ทุนทรัพย์ที่ โจทก์ แต่ละ คน เรียกร้อง และ ได้เสีย มา แล้ว ใน อัตรา สูงสุด คน ละ200,000 บาท ซึ่ง ไม่เกิน กว่า ที่ กำหนด ใน ตาราง 1 ท้าย ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง และ ไม่ ขัด ต่อ หลัก ทั่วไป ใน เรื่อง การ ตีความดัง จำเลย ฎีกา ส่วน ฎีกา ข้อ อื่น ของ จำเลย เป็น ข้อ ปลีกย่อย ไม่ทำ ให้ผล คดี เปลี่ยนแปลง ได้ จึง ไม่จำต้อง วินิจฉัย ที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่งและ ศาลอุทธรณ์ มี คำพิพากษา ต้อง กัน มา นั้น ต้องด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกาฎีกา ของ จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน