คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้การกระทำของจำเลยที่3และที่4ต่อผู้เสียหายที่7เป็นเวลาใกล้ชิดกับที่จำเลยที่3และที่4ใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมแต่เมื่อจำเลยที่3ที่4มิได้ตั้งใจมาฆ่าผู้เสียหายที่7โดยตั้งใจมาฆ่าโจทก์ร่วมและผู้เสียหายอื่นในบ้านโจทก์ร่วมเท่านั้นการที่จำเลยที่3และที่4เพิ่งมาคิดฆ่าผู้เสียหายที่7ในขณะพบเห็นเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายที่7ไปช่วยเหลือโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกัน

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สี่ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 362, 364, 365(1)(2)(3), 371, 58, 83, 80, 91พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ , 72, 72 ทวิ ริบของกลาง และ บวก โทษ จำเลย ที่ 4 ที่ ศาล รอการลงโทษ ไว้ ใน คดี หมายเลขแดง ที่2886/2532 ของ ศาลชั้นต้น เข้า กับ โทษ จำเลย ที่ 4 ใน คดี นี้ ด้วย
จำเลย ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 ให้การ ปฏิเสธ ส่วน จำเลย ที่ 4 ให้การรับสารภาพ และ รับ ว่า เป็น บุคคล คนเดียว กับ จำเลย ใน คดี ที่ โจทก์ ขอให้บวก โทษ ที่ รอ
ระหว่าง พิจารณา นาย ราธี ราญรอนสงคราม ผู้เสียหาย ที่ 1 ยื่น คำร้องขอ เข้าร่วม เป็น โจทก์ ใน ข้อหา ตาม ฟ้อง ข้อ ค. และ ง.ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สี่ มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 362, 364, 365(1)(2)(3), 371, 80, 83, 90, 91และ ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ ,72 วรรคสาม , 72 ทวิ วรรคสอง ข้อหา ฆ่า ผู้อื่น โดย เจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น โดย เจตนา และ บุกรุก เป็น ความผิด กรรมเดียว ผิด ต่อ กฎหมาย หลายบทให้ ลงโทษ ฐาน ฆ่า ผู้อื่น โดย เจตนา ซึ่ง เป็น บทหนัก จำคุก คน ละ 20 ปีข้อหา มี อาวุธปืน มี ทะเบียน ของ ผู้อื่น ไว้ ใน ครอบครอง จำคุก คน ละ2 ปี ข้อหา พา อาวุธปืน ให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯซึ่ง เป็น บทหนัก จำคุก คน ละ 1 ปี รวม จำคุก คน ละ 23 ปี จำเลย ที่ 4ให้การรับสารภาพ เป็น ประโยชน์ ต่อ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก จำเลยที่ 4 มี กำหนด 11 ปี 6 เดือน บวก โทษ จำคุก 7 เดือน ของ จำเลย ที่ 4ที่ รอการลงโทษ ไว้ ใน คดี หมายเลขแดง ที่ 2886/2532 ของ ศาลชั้นต้นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 รวม จำคุก จำเลย ที่ 4 มี กำหนด 11 ปี13 เดือน ริบของกลาง เว้นแต่ รถจักรยานยนต์ ของกลาง ให้ คืน แก่ เจ้าของ
โจทก์ และ จำเลย ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย ทั้ง สี่ มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบ มาตรา 80 อีก กระทง หนึ่ง ให้จำคุก 10 ปี เมื่อ รวมกับ โทษ ฐาน ฆ่าคน ตาย โดย เจตนา และ โทษ ฐาน มี และพา อาวุธปืน แล้ว เป็น จำคุก 33 ปี จำเลย ที่ 4 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ แก่ การ พิจารณา ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คง จำคุก จำเลย ที่ 4 มี กำหนด 16 ปี 6 เดือน นอกจาก ที่แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ว่าเมื่อ วันที่ 12 ธันวาคม 2532 เวลา ประมาณ 22 นาฬิกา มี คนร้ายประมาณ 6 คนขับ รถจักรยานยนต์ มา จอด เยื้อง หน้า บ้าน โจทก์ร่วม แล้ว มีชาย 2 คน เดิน เข้า ไป ใน รั้ว บ้าน โจทก์ร่วม ส่วน ที่ เหลือ ยืน อยู่ นอกหน้า รั้ว บ้าน โจทก์ร่วม ชาย 2 คน ที่ เดิน เข้า ไป ใน รั้ว บ้าน โจทก์ร่วมได้ พูด ท้าทาย คน ใน บ้าน โจทก์ร่วม และ ตบ หน้า นาย มานิตย์ สร้อยทอง ลูกจ้าง โจทก์ร่วม แล้ว คนร้าย ทั้งหมด ได้ ร่วมกัน ใช้ อาวุธปืน ที่ เตรียมมา ยิง เข้า ไป ใน บ้าน โจทก์ร่วม หลาย นัด เป็นเหตุ ให้ นาย วสันต์ ชัยศรี ลูกจ้าง โจทก์ร่วม ถูก กระสุนปืน ถึงแก่ความตาย ผู้เสียหาย ที่ 2 ที่ 3ที่ 4 ที่ 5 และ ที่ 6 ถูก กระสุนปืน ได้รับ บาดเจ็บ จำเลย ที่ 3 ที่ 4อยู่ นอก รั้ว หน้า บ้าน โจทก์ร่วม ถูก กระสุนปืน ได้รับ บาดเจ็บ ด้วย ปัญหาที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 มี ว่า จำเลย ที่ 3 และที่ 4 ร่วม เป็น คนร้าย กับ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 กระทำผิด ตาม ฟ้อง หรือไม่ข้อเท็จจริง จึง รับฟัง ได้ว่า จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ได้ ร่วม กับ จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 กระทำ ความผิด ใช้ อาวุธปืน ยิง เข้า ไป บ้าน โจทก์ร่วมและ ยิง ผู้เสียหาย ที่ 7 ผู้เสียหาย ที่ 7 จึง ต้อง ยิง ป้องกันตัว ที่หน้า บ้าน โจทก์ร่วม จริง ปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัย ต่อไป มี ว่า การ ที่จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ยิง ต่อสู้ กับ ผู้เสียหาย ที่ 7 ที่ หน้า บ้านโจทก์ร่วม เป็น ความผิด ต่าง กรรม กับ ที่ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ร่วม กับจำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ยิง บ้าน โจทก์ร่วม หรือไม่ นั้น เห็นว่าแม้ การกระทำ ของ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ต่อ ผู้เสียหาย ที่ 7 เป็น เวลาใกล้ชิด กับ ที่ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ร่วม กับ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2ใช้ อาวุธปืน ยิง เข้า ไป ใน บ้าน โจทก์ร่วม ก็ จริง แต่เมื่อ จำเลย ที่ 3และ ที่ 4 เห็น ผู้เสียหาย ที่ 7 ถือ อาวุธปืน ออก มาจาก บ้าน ผู้เสียหายที่ 7 ซึ่ง อยู่ คน ละ บ้าน กับ โจทก์ร่วม และ ที่เกิดเหตุ ก็ คน ละ ส่วน กัน และที่ ประการ สำคัญ การ ที่ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ได้ ร่วม กับ จำเลย ที่ 1และ ที่ 2 มาก ระทำ ความผิด ใน ครั้งนี้ จำเลย ที่ 3 ที่ 4 มิได้ ตั้งใจจะ มา ฆ่า ผู้เสียหาย ที่ 7 แต่ ตั้งใจ มา ฆ่า โจทก์ร่วม และ ผู้เสียหายอื่น ใน บ้าน โจทก์ร่วม เท่านั้น การ ที่ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 เพิ่ง มา คิดฆ่า ผู้เสียหาย ที่ 7 ใน ขณะ พบ เห็น ผู้เสียหาย ที่ 7 เพื่อ ป้องกัน มิให้ผู้เสียหาย ที่ 7 ไป ช่วยเหลือ โจทก์ร่วม ย่อม เห็น ได้ว่า เป็น การกระทำต่างหาก จาก ที่ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ได้ ร่วม กับ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2กระทำ ต่อ โจทก์ร่วม นั้นเอง ดังนั้น การกระทำ ของ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4ต่อ ผู้เสียหาย ที่ 7 ดังกล่าว จึง เป็น การกระทำ ความผิด ต่าง กรรม กันแล้ว โดย ปราศจาก ข้อสงสัย ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้อง ด้วย ฎีกา จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share