คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บังคับคดียึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดโดยโจทก์เป็นผู้มอบโฉนดที่ดินแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อประกอบการยึดต่อมาจำเลยชำระเงินให้โจทก์พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีครบถ้วนและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ถอนการบังคับคดีแล้วการบังคับคดีย่อมสำเร็จบริบูรณ์หากโจทก์ละเลยเพิกเฉยไม่ไปขอรับโฉนดที่ดินคืนจากเจ้าพนักงานบังคับคดีความเสียหายย่อมตกแก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยฉะนั้นเมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอรับโฉนดคืนศาลชั้นต้นชอบที่จะนัดพร้อมโจทก์จำเลยเพื่อสอบถามว่าโจทก์จะคัดค้านประการใดหรือไม่เพื่อจะได้ทำคำวินิจฉัยชี้ขาดให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา302ต่อไปการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยโดยไม่นัดพร้อมเพื่อสอบถามคู่ความที่เกี่ยวข้องก่อนจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดี นี้ สืบเนื่อง มาจาก ศาลชั้นต้น ได้ พิพากษา ตามยอม แต่ จำเลยไม่ปฏิบัติ ตาม โจทก์ จึง ขอให้ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ทำการ ยึด ที่ดินโฉนด เลขที่ 5139 ซึ่ง มี ชื่อ จำเลย และ ข. ถือ กรรมสิทธิ์ เพื่อ นำ ออก ขายทอดตลาด ต่อมา วันที่ 20 พฤศจิกายน 2534 เจ้าพนักงาน บังคับคดีรายงาน ต่อ ศาลชั้นต้น ว่า จำเลย ได้ นำ เงิน มา วาง ชำระหนี้ พร้อม ทั้งได้ ชำระ ค่าธรรมเนียม ยึด แล้ว ไม่มี การ ขาย และ ค่าใช้จ่าย ชั้นบังคับคดี ครบถ้วน จึง ได้ ถอน การ ยึดทรัพย์ และ ถอน การ บังคับคดี
จำเลย ยื่น คำร้อง ว่า ได้ ไป ขอรับ โฉนด ที่ดิน เลขที่ 5139 คืนแต่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ไม่ยอม คืน ให้ ขอให้ ศาล มี คำสั่ง ให้ จำเลยรับ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว คืน จาก เจ้าพนักงาน บังคับคดี ได้
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ว่า ผู้มีสิทธิ ขอ คืน คือ โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดี สั่ง ชอบแล้ว ให้ยก คำร้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “โจทก์ ได้ นำ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ยึดที่ดิน โฉนด เลขที่ 5139 เพื่อ นำ มา ขายทอดตลาด ชำระหนี้ ตาม สัญญาประนีประนอม ยอมความ ที่ ศาลชั้นต้น มี คำพิพากษา ตามยอม โดย โจทก์เป็น ผู้ มอบ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว แก่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี เพื่อ ประกอบการ ยึดทรัพย์ ต่อมา เมื่อ จำเลย ได้ ชำระ เงิน ให้ โจทก์ พร้อม ทั้งค่าธรรมเนียม เจ้าพนักงาน บังคับคดี ครบถ้วน และ เจ้าพนักงาน บังคับคดีได้ ถอน การ บังคับคดี แล้ว การ บังคับคดี ย่อม สำเร็จ บริบูรณ์ แล้ว โจทก์ทั้ง สี่ ไม่มี สิทธิ ประโยชน์ ใด ๆ ใน โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว อีก ต่อไปใน กรณี เช่นนี้ หาก โจทก์ ทั้ง สี่ ละเลย เพิกเฉย เสีย ไม่ไป ขอรับ โฉนดที่ดิน คืน จาก เจ้าพนักงาน บังคับคดี โฉนด ที่ดิน ก็ จะ ตก ค้าง อยู่ ที่เจ้าพนักงาน บังคับคดี ตลอด ไป ความเสียหาย ย่อม ตก แก่ จำเลย ซึ่งเป็น คู่ความ ใน คดี และ มี ชื่อ คนหนึ่ง ใน โฉนด ที่ดิน รวมทั้ง เจ้าของกรรมสิทธิ์รวม ผู้อื่น ด้วย ดังนั้น ศาลชั้นต้น ชอบ ที่ จะ นัด พร้อม โจทก์จำเลย เพื่อ สอบถาม ว่า การ ที่ จำเลย ขอรับ โฉนด ที่ดิน คืน จาก เจ้าพนักงานบังคับคดี นั้น โจทก์ ทั้ง สี่ จะ มี ข้อ คัดค้าน ประการใด หรือไม่เพื่อ ที่ ศาลชั้นต้น จะ ได้ ทำ คำวินิจฉัย ชี้ขาด ให้ ถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 ต่อไป ที่ ศาลล่างทั้ง สอง ด่วน วินิจฉัย ว่า ผู้มีสิทธิ ขอ คืน โฉนด ที่ดิน เลขที่ 5139 คือโจทก์ เท่านั้น และ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ตาม คำสั่ง ของ ศาลชั้นต้นที่ สั่ง ให้ยก คำร้องขอ งจำเลย โดย ไม่ นัด พร้อม เพื่อ สอบถาม คู่ความ ที่เกี่ยวข้อง ก่อน ที่ จะ มี คำสั่ง นั้น ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย และ เห็นสมควร ย้อนสำนวน ไป ให้ ศาลชั้นต้น ดำเนิน กระบวนพิจารณา ตาม นัยดังกล่าว ข้างต้น ให้ สิ้น กระแสความ เสีย ก่อน ”
พิพากษายก คำสั่งศาล ชั้นต้น และ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้น ดำเนิน กระบวนพิจารณา นัด พร้อม โจทก์ ทั้ง สี่ และ จำเลย เพื่อสอบถาม โจทก์ ทั้ง สี่ ว่า จะ คัดค้าน คำร้องขอ งจำเลย ลงวันที่ 27พฤศจิกายน 2534 ที่ ขอ คืน โฉนด ที่ดิน จาก เจ้าพนักงาน บังคับคดีประการใด หรือไม่ แล้ว มี คำสั่ง ใหม่ ตาม รูปคดี

Share