คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ในระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยศาลได้มีคำสั่งอายัดที่ดินดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานที่ดินแล้วเมื่อโจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและศาลได้ออกหมายอายัดชั่วคราวส่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินและจำเลยแล้วเป็นเพียงการสั่งห้ามชั่วคราวเท่านั้นยังไม่มีกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ามาอายัดที่ดินพิพาทกรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของตาราง5ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโจทก์จึงมีสิทธิถอนเงินประกันค่าเสียหายที่ศาลมีคำสั่งให้วางไว้ได้ทันทีเมื่อศาลมีคำสั่งถอนหมายอายัดชั่วคราวซึ่งมีผลเท่ากับถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยทั้งสองให้ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 4632 เนื้อที่ 352.9 ตารางวาราคา 74,109,000 บาท และโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์วางเงินประกัน500,000 บาท ต่อมาคู่ความตกลงกันได้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอคืนเงินประกันค่าเสียหายจำนวน 500,000 บาท และขอชำระค่าธรรมเนียมถอนการอายัดในจำนวนเนื้อที่ดินที่ถูกอายัด 47 ตารางวาราคาประเมินตารางวาละ 40,000 บาท และขอวางเงินค่าถอนอายัด18,800 บาท
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ขออายัดไว้ก่อนมีคำพิพากษามีราคา 74,109,000 บาท ที่ศาลมีคำสั่งไว้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2534 ผิดพลาดไป ให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวแล้วมีคำสั่งใหม่ว่าให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมถอนการอายัดร้อยละ1 ของทุนทรัพย์ 74,109,000 บาท ก่อนแล้วจึงจะอนุญาตให้ถอนเงินที่วางประกันค่าเสียหาย 500,000 บาทให้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีนี้โจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยทั้งสองโอนขายยักย้ายหรือจำหน่ายที่ดินพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(3) ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นออกหมายอายัดชั่วคราว ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2533ไปยังเจ้าพนักงานที่ดินและจำเลยทั้งสองจึงเป็นเพียงการสั่งห้ามชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่มีกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ามาอายัดที่ดินพิพาทแต่ประการใด ค่าธรรมเนียมตามตาราง 5ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อคดีนี้การอายัดของศาลชั้นต้นเป็นเพียงการห้ามชั่วคราวเท่านั้น กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของตาราง 5ที่โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี เงินที่โจทก์ชำระไว้แล้วจะต้องคืนให้แก่โจทก์
ส่วนปัญหาที่ว่า โจทก์มีสิทธิถอนเงินประกันค่าเสียหายจำนวน 500,000 บาทไปได้ทันทีโดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการถอนการอายัดก่อนนั้น กรณีนี้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โจทก์จึงมีสิทธิถอนเงินประกันค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวได้ทันทีเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนหมายอายัดชั่วคราวซึ่งมีผลเท่ากับถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวแล้ว
พิพากษากลับว่า ให้คืนค่าธรรมเนียมที่โจทก์ชำระไว้จำนวน18,800 บาท และเงินประกันค่าเสียหายจำนวน 500,000 บาทให้แก่โจทก์

Share