คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คนร้ายเคยเจาะกำแพงอิฐบล็อกโรงงานของจำเลยแล้วลักเอาสิ่งของจากโรงงานไปคนงานของจำเลยจึงคิดวิธีป้องกันไว้ล่วงหน้าก่อนที่ภยันตรายจะถึงโดยขึงเส้นลวดไว้ที่ไม้สี่เหลี่ยมตั้งอยู่ที่พื้นปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้ากับเส้นลวดวันเกิดเหตุกำแพงอิฐบล๊อกโรงงานจำเลยถูกเจาะที่เดิมอีกผู้ตายเป็นผู้เจาะกำแพงอิฐบล๊อกแล้วมุดเข้าไปในโรงงานเพื่อลักทรัพย์ของจำเลยแต่ผู้ตายเหยียบแผ่นไม้สี่เหลี่ยมที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านเส้นลวดจนถูกช็อตจนถึงแก่ความตายถือว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยย่อมได้รับนิรโทษกรรมไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา449วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เคยเป็นภริยาของนาย ณรงค์สุทธิโพธิ์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกัน2คนคือเด็กชาย นรินทร์ สุทธิโพธิ์ และเด็กหญิง นรีสุทธิโพธิ์ เมื่อวันที่13เมษายน2532เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยเป็นเจ้าของและครอบครองกิจการโรงงาน หล่อโลหะทองเหลืองได้ทำการต่อกระแสไฟฟ้าแรงสูงจาก คัทเอาท์เข้ากับเส้นลวดที่ตอกติดไว้กับไม้สองอันทำเป็นแผงสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างประมาณ2ฟุตด้วยความจงใจที่จะทำอันตรายแก่ผู้คนที่เดินมาในทางโรงงาน โลหะเจริญ หากไปกระทบเข้าจะได้รับอันตรายแก่กายหรือชีวิตในวันเวลาดังกล่าวเด็กชาย นรินทร์ได้เดินไปในบริเวณที่จำเลยต่อกระแสไฟฟ้าไว้ทำให้เด็กชาย นรินทร์ได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายถึงแก่ความตายขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน227,750บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่13เมษายน2532ถึงวันฟ้องเป็น17,081บาทรวมทั้งสิ้น244,831บาทและดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าวันเวลาเกิดเหตุเด็กชาย นรินทร์งัดสังกะสีรั้วโรงงานบุกรุกเข้ามาแล้วสกัดเจาะกำแพงโรงงานเป็นช่องลอดเข้าไปเพื่อจะลักทรัพย์ที่อยู่ภายในบริเวณโรงงานจึงถูกกระแสไฟฟ้าช๊อตถึงแก่ความตายเสียก่อนด้วยความผิดของเด็กชาย นรินทร์เองเด็กชาย นรินทร์แม้มีชีวิตอยู่อาจส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์และครอบครัวได้ไม่เกิน10,000บาทค่าใช้จ่ายในการปลงศพไม่เกิน1,000บาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเป็นผู้ก่อละเมิดและจำต้องจ่ายสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์หรือไม่เห็นว่าขณะที่โจทก์ได้รับแจ้งจากนางสาว ประภาและพบผู้ตายถูกไฟฟ้าช็อตนั้นเวลา3นาฬิกาเป็นยามวิกาลไม่มีเหตุผลใดที่ผู้ตายจะเข้าไปในโรงงานของจำเลยประกอบกับกำแพงอิฐบล๊อกของโรงงานถูกเจาะเป็นโพรงขนาดคนลอดเข้าไปได้และผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายใกล้กับโพรงกำแพงน่าเชื่อว่าผู้ตายเป็นผู้เจาะกำแพงอิฐบล๊อกแล้วเข้าไปในโรงงานของจำเลยเป็นเหตุให้เหยียบถูกเส้นลวดที่ต่อเข้ากับกระแสไฟฟ้าซึ่งคนงานของจำเลยเป็นผู้ทำไว้ทำให้ผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าช๊อตถึงแก่ความตายนาย สมชัยนายมโนธรรมนายบุญทิ้งร้อยตำรวจโท บรรพตบุญวิศิษฎ์และพันตำรวจโทสมพลลิมปกาญจน์พยานทุกคนเบิกความยืนยันว่าบริเวณที่โรงงานของจำเลยตั้งอยู่มีขโมยชุกชุมคนร้ายเข้าไปลักสิ่งของจากโรงงานจำเลยหลายครั้งบางครั้งจับคนร้ายได้เป็นเด็กวัยรุ่นเช่นเดียวกับผู้ตายแต่ส่วนมากจับไม่ได้จำเลยได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานซึ่งนางสาว ประภา นาคชูแก้ว พยานโจทก์ก็เบิกความยอมรับว่าเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านไปนั้นมีลักษณะว่างเป็นกับดักคนร้ายที่เข้าไปในบริเวณโรงงานเพราะของในโรงงานหายบ่อยข้อที่ว่ามีขโมยเข้าไปลักสิ่งของในโรงงานจำเลยนั้นปรากฏตามภาพถ่ายหมายล.5ว่าบริเวณกำแพงอิฐบล๊อกที่คนร้ายเจาะออกครั้งเกิดเหตุเป็นกำแพงที่มีอิฐบล๊อกซ่อมแซมใหม่อยู่หลายก้อนเชื่อว่าเคยมีคนร้ายเจาะกำแพงอิฐบล๊อกโรงงานของจำเลยแล้วลักเอาสิ่งของจากโรงงานไปคนงานของจำเลยจึงคิดวิธีป้องกันไว้ล่วงหน้าก่อนที่ภยันตรายจะถึงโดยขึงเส้นลวดไว้ที่ไม้สี่เหลี่ยมตั้งอยู่ที่พื้นแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้ากับเส้นลวดวันเกิดเหตุกำแพงอิฐบล๊อกโรงงานจำเลยถูกเจาะที่เดิมอีกและปรากฏว่าผู้ตายเป็นผู้ที่เข้าไปในโรงงานของจำเลยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายเป็นผู้เจาะกำแพงอิฐบล๊อกแล้วมุดเข้าไปในโรงงานเพื่อลักทรัพย์ของจำเลยแต่ผู้ตายไปเดินเหยียบแผ่นไม้สี่เหลี่ยมที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านเส้นลวดจนถูกช็อตจนถึงแก่ความตายถือว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยย่อมได้รับนิรโทษกรรมไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา449วรรคหนึ่งที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share