คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้หนังสือมอบอำนาจระบุแต่เพียงว่าโจทก์แต่งตั้งให้ ช.มีอำนาจฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายกับขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากบ้านพิพาทโดยมิได้ระบุถึงให้ออกจากที่ดินพิพาทด้วยแต่เมื่อบ้านพิพาทตั้งอยู่บนที่ดินพิพาทย่อมมีความหมายรวมถึงให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทด้วย ช. จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ จำเลยดำเนินการปลอมลายมือชื่อจำเลยร่วมซึ่งเป็นคู่สมรสลงในเอกสารจัดการโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทอันเป็นสินสมรสให้แก่โจทก์โดยปราศจากความยินยอมของจำเลยร่วมแต่เมื่อโจทก์เป็นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจำเลยร่วมจึงจะขอให้ศาลเพิกถอนการโอนดังกล่าวไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1480วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ มอบอำนาจ ให้ นาย โชติ เริงทรัพย์ ดำเนินคดี แทน ปรากฏ ตาม ภาพถ่าย หนังสือมอบอำนาจ ท้ายฟ้อง หมายเลข 1 โจทก์ เป็นเจ้าของ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 149178 และ บ้าน เลขที่ 591 โจทก์ ซื้อ ที่ดินและ บ้าน ดังกล่าว จาก การ เคหะ แห่งชาติ จำเลย เป็น ผู้ อยู่อาศัย ใน บ้านดังกล่าว โจทก์ ไม่ประสงค์ ให้ จำเลย และ บริวาร อาศัย อยู่ ใน บ้าน และ ที่ดินของ โจทก์ โจทก์ ได้ บอกกล่าว ให้ จำเลย และ บริวาร ขนย้าย ทรัพย์สินออก ไป จาก บ้าน และ ที่ดิน ของ โจทก์ แต่ จำเลย เพิกเฉย ขอให้ ขับไล่จำเลย และ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดิน และ บ้าน ของ โจทก์ พร้อม กับ ส่งมอบที่ดิน และ บ้าน คืน โจทก์ ใน สภาพ เรียบร้อย กับ ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหายเดือน ละ 5,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จำเลย และ บริวาร จะ ขนย้ายทรัพย์สิน ออกจาก บ้าน และ ที่ดิน ของ โจทก์
จำเลย ให้การ และ ฟ้องแย้ง ว่า หนังสือมอบอำนาจ ท้ายฟ้อง เป็นเอกสารปลอม วันที่ ทำ หนังสือมอบอำนาจ นั้น โจทก์ ไม่ได้ มี ภูมิลำเนาใน ประเทศ ไทย หาก ลายมือชื่อ โจทก์ แท้จริง ก็ ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะ ไม่มี เจ้าพนักงาน โนตารีปับลิก รับรอง นาย โชติ เริงทรัพย์ จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง คดี นี้ แทน โจทก์ โจทก์ ไม่ใช่ เจ้าของ ที่ดิน และบ้าน พิพาท ตาม ฟ้อง ที่ดิน และ บ้าน พิพาท เป็น สินสมรส ระหว่าง จำเลยกับ ร้อยตำรวจเอก นัทธี สำเภายนต์ สามี ของ จำเลย ซึ่ง เช่าซื้อ จาก การ เคหะ แห่งชาติ โดย สามี ของ จำเลย ตกลง ให้ จำเลย เป็น ผู้ มีชื่อ ทำ สัญญาเช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท เพียง ผู้เดียว ระหว่าง เดือนกรกฎาคม ถึง เดือน สิงหาคม 2522 จำเลย ประสงค์ จะ กู้เงินนาย โชติ บิดา โจทก์ จำนวน 100,000 บาท นาย โชติ ได้ ออก อุบาย หลอกลวง จำเลย ให้ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์เป็น ประกัน การ กู้เงิน โดย ให้ จำเลย ชำระ เงิน ค่าเช่าซื้อ ค่าบริการค่า ประกัน อัคคีภัย แก่ การ เคหะ แห่งชาติ เมื่อ จำเลย ชำระ เงินกู้ พร้อมดอกเบี้ย ให้ นาย โชติ แล้ว นาย โชติ จะ ให้ โจทก์ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ และ บ้าน พิพาท คืน แก่ จำเลย นาย โชติ หลอกลวง ให้ นาย ดิสนัย ปลอม ลายมือชื่อ สามี ของ จำเลย ลง ใน ใบ ยินยอม คู่สมรส ฉบับ ลงวันที่ 30 กรกฎาคม2522 เพื่อ ประโยชน์ ที่นาย โชติ จะ นำ เอกสารปลอม นี้ ไป แสดง เพื่อ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท คืน แก่ จำเลย นาย โชติ หลอกลวง ให้ นาย ดิสนัย ปลอม ลายมือชื่อ สัญญา หลังจาก โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ดังกล่าว แล้ว จำเลย และ สามี ของ จำเลย ได้ ครอบครอง ที่ดิน และ บ้าน พิพาทใน ฐานะ เป็น เจ้าของ และ ได้ ชำระ ค่าเช่าซื้อ ค่าบริการ ค่า ประกันอัคคีภัย ให้ แก่ การ เคหะ แห่งชาติ เป็น ประจำ ทุกเดือน จน ครบ ตาม สัญญาแต่ โดย ความ ทุจริต ของ โจทก์ และ นาย โชติ ได้ ไป ขอ โอน กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดิน และ บ้าน พิพาท เป็น ของ โจทก์ เมื่อ จำเลย ทราบ จำเลย ได้ ติดต่อโจทก์ และ นาย โชติ เพื่อ ให้ โอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท แก่ จำเลย โดย จำเลย จะ ชำระ เงินกู้ ที่ ค้าง คืน ให้ นาย โชติ แต่ โจทก์ กับ นาย โชติ กลับ บิดพริ้วไม่ยินยอม ต่อมา สามี ของ จำเลย ทราบ ได้ บอกล้าง นิติกรรม การ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท แก่ โจทก์ และนาย โชติ แล้ว ขอให้ ยกฟ้อง และ ให้ บังคับ โจทก์ โอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท คืน จำเลย หาก ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้ ถือเอา คำพิพากษา เป็น การแสดง เจตนา แทน
โจทก์ ให้การ แก้ฟ้อง แย้ง ว่า จำเลย เป็น เจ้าของ สิทธิ การ เช่าซื้อที่ดิน และ บ้าน พิพาท การ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้โจทก์ นั้น จำเลย เป็น ผู้นำ ใบ ยินยอม คู่สมรส เสนอ ต่อ เจ้าหน้าที่การ เคหะ แห่งชาติ เอง หาก ลายมือชื่อ สามี ของ จำเลย ปลอม ก็ เป็น เรื่องของ จำเลย ปลอม ขึ้น เอง โจทก์ ไม่มี ส่วน รู้เห็น ด้วย ขอให้ ยกฟ้อง แย้ง
ระหว่าง พิจารณา ร้อยตำรวจเอก นัทธี สำเภายนต์ สามี ของ จำเลย ยื่น คำร้องขอ เข้า เป็น จำเลยร่วม ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ ขับไล่ จำเลย จำเลยร่วม และ บริวาร ออก ไป จากที่ดิน และ บ้าน พิพาท ตาม ที่ โจทก์ ฟ้อง และ ส่งมอบ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ในสภาพ เรียบร้อย แก่ โจทก์ กับ ให้ ร่วมกัน ใช้ ค่าเสียหาย เดือน ละ 2,000 บาทนับแต่ วันฟ้อง (29 กุมภาพันธ์ 2527) จนกว่า จำเลย และ จำเลยร่วมกับ บริวาร จะ ขนย้าย ทรัพย์สิน ออกจาก ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ยกฟ้อง แย้งของ จำเลย และ จำเลยร่วม
จำเลย และ จำเลยร่วม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายก คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ให้ ศาลชั้นต้น ส่งเอกสาร หมาย ล. 26 ไป ตรวจ พิสูจน์ ลายมือชื่อ ของ จำเลยร่วม ที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ และ ให้ ส่ง ประเด็น ไป สืบ ร้อยตำรวจเอก โชติ ชุมขุม พยาน จำเลย ที่ ศาลจังหวัด พังงา ตาม คำแถลง ของ จำเลย ใน รายงาน กระบวนพิจารณา ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2527 แล้ว พิพากษาใหม่ ตาม รูปคดี
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา พิพากษายืน
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ ขับไล่ จำเลย จำเลยร่วม และ บริวาร ออก ไปจาก ที่ดิน โฉนด เลขที่ 149178 และ บ้าน เลขที่ 591 หมู่ 3ถนน สุขาภิบาล 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และ ให้ ส่งมอบ บ้าน ดังกล่าว คืน โจทก์ ใน สภาพ เรียบร้อย กับ ห้าม มิให้ เข้าเกี่ยวข้อง อีก ต่อไป ให้ จำเลย กับ จำเลยร่วม ร่วมกัน ชำระ ค่าเสียหายแก่ โจทก์ เดือน ละ 2,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง (29 กุมภาพันธ์ 2527)เป็นต้น ไป จนกว่า จำเลย จำเลยร่วม และ บริวาร จะ ขนย้าย ทรัพย์สินออก ไป จาก ทรัพย์พิพาท และ ส่ง คืน ทรัพย์พิพาท ให้ โจทก์ ให้ยก ฟ้องแย้งของ จำเลย และ จำเลยร่วม
จำเลย และ จำเลยร่วม อุทธรณ์ โดย ได้รับ อนุญาต ให้ อุทธรณ์ อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย และ จำเลยร่วม ฎีกา โดย ได้รับ อนุญาต ให้ ฎีกา อย่าง คนอนาถา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ในเบื้องต้น ว่า เดิม จำเลย เป็น ผู้เช่าซื้อ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 149178ตำบล คลองจั่น อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และ บ้าน เลขที่ 591หมู่ 3 ถนน สุขาภิบาล 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่ง ตั้ง อยู่ บน ที่ดิน ดังกล่าว จาก การ เคหะ แห่งชาติ วันที่ 1 สิงหาคม2522 จำเลย โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน ดังกล่าว ซึ่ง เป็น ที่ดินและ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์ ปรากฏ ตาม ภาพถ่าย สัญญาเช่าซื้อ ที่ดิน และ อาคารและ ภาพถ่าย สัญญา โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ เอกสาร หมาย จ. 5 ต่อมา การเคหะ แห่งชาติ ได้รับ ชำระ ค่าเช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ครบถ้วน แล้ววันที่ 14 พฤษภาคม 2526 การ เคหะ แห่งชาติ ได้ จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์ ปรากฏ ตาม ภาพถ่าย หนังสือ สัญญา ขาย ที่ดินเอกสาร หมาย จ. 2 นาย โชติ เริงทรัพย์ บิดา ของ โจทก์ ฟ้องคดี นี้ แทน โจทก์ ตาม หนังสือมอบอำนาจ เอกสาร หมาย จ. 1 คดี มี ปัญหา ต้องวินิจฉัย ตาม ฎีกา จำเลย และ จำเลยร่วม ว่า นาย โชติ มีอำนาจ ฟ้องคดี นี้ แทน โจทก์ หรือไม่ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท เป็น กรรมสิทธิ์ ของ โจทก์ หรือ จำเลยและ โจทก์ เสียหาย หรือไม่ เพียงใด
ปัญหา เรื่อง อำนาจฟ้อง นั้น จำเลย และ จำเลยร่วม ฎีกา เกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจ เอกสาร หมาย จ. 1 ว่า เป็น เอกสารปลอม เพราะ วันที่ทำ หนังสือมอบอำนาจ ดังกล่าว โจทก์ ไม่ได้ มี ภูมิลำเนา อยู่ ใน ประเทศ ไทยการ มอบอำนาจ ดังกล่าว ดำเนินการ ไม่ถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 นาย โชติ จึง ไม่มี อำนาจ ฟ้องคดี แทน โจทก์ ประการ หนึ่ง และ ตาม หนังสือมอบอำนาจ ดังกล่าวไม่มี ข้อความ ที่ แสดง ว่า โจทก์ ได้ มอบอำนาจ ให้ นาย โชติ ฟ้องขับไล่ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท แต่อย่างใด นาย โชติ จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง ขับไล่ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท แทน โจทก์ อีก ประการ หนึ่ง เห็นว่าโจทก์ มี นาย โชติ และ นาย เติม พลชนะ เป็น พยาน เบิกความ ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทำหนังสือ มอบอำนาจ เอกสาร หมาย จ. 1 ใน ขณะที่ โจทก์ อยู่ที่ บ้าน ของ นาย โชติ ซึ่ง อยู่ ใน ประเทศ ไทย เอกสาร หมาย จ. 1 ก็ มี ลายมือชื่อ ลง ไว้ ใน ช่อง ผู้มอบอำนาจ ระบุ ว่า เป็น ลายมือชื่อ โจทก์ มีลายมือชื่อ นาย โชติ ลง ไว้ ใน ช่อง ผู้รับมอบอำนาจ และ มี ลายมือชื่อ นาย เติม ลง ไว้ ใน ช่อง พยาน ด้วย ส่วน จำเลย และ จำเลยร่วม ไม่มี พยาน มา นำสืบ หักล้าง คำพยาน โจทก์ ดังกล่าว รวมทั้ง เอกสาร หมาย จ. 1 ด้วยว่า ไม่ใช่ เอกสาร อัน แท้จริง พยานหลักฐาน โจทก์ ดังกล่าว จึง เป็น การเพียงพอ ที่ จะ ให้ ฟังได้ ว่า เอกสาร หมาย จ. 1 เป็น หนังสือมอบอำนาจ ของโจทก์ อัน แท้จริง และ โจทก์ ทำ หนังสือมอบอำนาจ ดังกล่าว ใน ประเทศ ไทย ส่วนที่ จำเลย และ จำเลยร่วม ฎีกา ด้วย ว่า นาย โชติ เบิกความ ว่า “เอกสาร หมาย จ. 1 ตัว โจทก์ เป็น คน กรอก ข้อความ ” นาย เติม เบิกความ ว่า “โจทก์ พิมพ์ ข้อความ ทั้ง ฉบับ ” แต่ ตาม เอกสาร หมาย จ. 1 มิได้ มี การพิมพ์ขึ้น ทั้ง ฉบับ มี เว้นว่าง ใน ช่อง วัน เดือน ปี ที่ มอบอำนาจ และ เว้นว่างช่อง ผู้รับมอบอำนาจ ใน บรรทัด ที่ 5 และ 18 เอาไว้ คำเบิกความ ของนาย โชติ และ นาย เติม จึง ขัด กัน และ ขัด กับ เอกสาร หมาย จ. 1และ หาก โจทก์ พิมพ์ เอกสาร หมาย จ. 1 ขึ้น เอง ก็ น่า จะ พิมพ์ ข้อความ ต่าง ๆไป ใน คราว เดียว กัน นอกจาก นั้น ข้อความ ใน เอกสาร หมาย จ. 1 เป็น ภาษากฎหมาย ไม่ น่าเชื่อ ว่า โจทก์ จะ เป็น ผู้พิมพ์ ขึ้น เอง ทั้ง ฉบับนั้นเห็นว่า คำเบิกความ ของ นาย โชติ ดังกล่าว มี ความหมาย ว่า โจทก์ เป็น ผู้ กรอก ข้อความ ใน ช่อง ที่ เว้นว่าง ไว้ ใน เอกสาร หมาย จ. 1 และ คำเบิกความของ นาย เติม ดังกล่าว มี ความหมาย ว่า โจทก์ เป็น ผู้พิมพ์ ข้อความ ใน เอกสาร หมาย จ. 1 ที่ เป็น ตัว พิมพ์ ทั้ง ฉบับ คำเบิกความ ของ นาย โชติ และ นาย เติม ดังกล่าว หา ขัด กัน และ ขัด กับ เอกสาร หมาย จ. 1 ไม่ และ ที่ เอกสาร หมาย จ. 1 มิได้ เป็น ตัว พิมพ์ ทั้ง ฉบับ กับ มี ข้อความ ดัง ที่ ปรากฏใน เอกสาร ไว้ เช่นนั้น ก็ ไม่อาจ ทำให้ ไม่ น่าเชื่อ ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทำหนังสือมอบอำนาจ เอกสาร หมาย จ. 1 ดัง วินิจฉัย มา แล้วแต่ อย่างใดเอกสาร หมาย จ. 1 จึง มิใช่ เอกสารปลอม และ การ มอบอำนาจ ของ โจทก์ดังกล่าว ก็ ไม่จำต้อง ดำเนินการ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 47 แต่อย่างใด และ แม้ ตาม เอกสาร หมาย จ. 1 จะ ระบุ แต่เพียง ว่าโจทก์ แต่งตั้ง ให้ นาย โชติ มีอำนาจ ฟ้องคดี ขับไล่ และ เรียก ค่าเสียหาย จาก จำเลย และ บริวาร ให้ ออกจาก บ้าน เลขที่ 591 หมู่ 3 ถนน สุขาภิบาล 1 แขวง คลองตัน เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร คือ บ้าน พิพาท เท่านั้น มิได้ ระบุ ถึง ให้ ออกจาก ที่ดินพิพาท ด้วย ก็ ตาม แต่ บ้าน พิพาท ตั้ง อยู่ บนที่ดินพิพาท จึง ย่อม มี ความหมาย รวม ถึง ให้ ขับไล่ จำเลย และ บริวาร ออกจากที่ดินพิพาท ด้วย นาย โชติ จึง มีอำนาจ ฟ้องคดี นี้ แทน โจทก์
ปัญหา เรื่อง กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดิน และ บ้าน พิพาท นั้น จำเลย และจำเลยร่วม ฎีกา ว่า จำเลย โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้โจทก์ เพื่อ เป็น ประกัน การ กู้เงิน ที่ จำเลย กู้เงิน 100,000 บาท จากนาย โชติ เห็นว่า ข้อเท็จจริง ฟังได้ ใน เบื้องต้น แล้ว ว่า จำเลย โอน สิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์ ต่อมา การ เคหะ แห่งชาติได้รับ ชำระ ค่าเช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ครบถ้วน แล้ว และ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2526 การ เคหะ แห่งชาติ ได้ จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์ ภาระ การ พิสูจน์ ใน ข้อ นี้ จึง ตก แก่ จำเลย และจำเลยร่วม จำเลย และ จำเลยร่วม นำสืบ ใน ปัญหา ข้อ นี้ ว่า จำเลย โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์ ตาม ความ ประสงค์ ของนาย โชติ เพื่อ เป็น ประกัน การ กู้เงิน ที่ จำเลย กู้เงิน 100,000 บาท จาก นาย โชติ โจทก์ นำสืบ ว่า จำเลย บอก ขาย สิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้ นาย โชติ ใน ราคา 250,000 บาท นาย โชติ ตกลง ซื้อ ให้ โจทก์ จึง ให้ จำเลย โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ดังกล่าว ให้ โจทก์เห็นว่า พยานหลักฐาน โจทก์ จึง มีเหตุ ผล น่าเชื่อ กว่า พยานหลักฐาน จำเลยและ จำเลยร่วม ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่า จำเลย โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดินและ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์ โดย เป็น การ โอน ขาย สิทธิ ดังกล่าว มิใช่ เพื่อเป็น ประกัน การ กู้เงิน นาย โชติ ดัง ที่ จำเลย และ จำเลยร่วม ฎีกา แต่ อย่างใด ที่ จำเลย และ จำเลยร่วม ฎีกา อีก ว่า นาย โชติ เป็น ผู้สั่ง ให้ นาย ดิสนัย สำเภายนต์ บุตรชาย ของ จำเลย และ จำเลยร่วม ปลอม ลายมือชื่อ จำเลยร่วม ใน ใบ ยินยอม คู่สมรส เอกสาร หมาย ล. 26ซึ่ง ใช้ ประกอบการ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท ให้ โจทก์เห็นว่า ตาม พฤติการณ์ ดัง วินิจฉัย น่าเชื่อ ว่า จำเลย เป็น ฝ่ายดำเนินการ ปลอม ลายมือชื่อ จำเลยร่วม ลง ใน เอกสาร หมาย ล. 26 เองนาย โชติ และ โจทก์ มิได้ มี ส่วน เกี่ยวข้อง หรือ รู้เห็น ใน การ ทำ ปลอม ดังกล่าว ด้วย ดังนี้ แม้ จำเลย จะ จัดการ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อที่ดิน และ บ้าน พิพาท อันเป็น สินสมรส ให้ แก่ โจทก์โดย ปราศจาก ความ ยินยอมของ จำเลยร่วม ซึ่ง เป็น คู่สมรส ก็ ตาม จำเลยร่วม ก็ จะ ขอให้ ศาล เพิกถอนการ โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ ดังกล่าว ไม่ได้ เพราะ ใน ขณะที่ ทำนิติกรรม โอนสิทธิ การ เช่าซื้อ นั้น โจทก์ เป็น บุคคลภายนอก ได้ กระทำ โดยสุจริต และ เสียค่าตอบแทน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 วรรคหนึ่งที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง ว่า กรณี นี้ เป็น ไป ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1480 วรรคสอง จึง ไม่ถูกต้อง กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดิน และ บ้าน พิพาทจึง เป็น ของ โจทก์ ”
พิพากษายืน

Share