คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะได้ก่อสร้างตึกแถวชิดแนวเขตที่ดินเกินไปแต่ก็มิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์และโจทก์เองก็ได้ปลูกบ้านชิดแนวเขตมากเกินไปด้วยโจทก์จึงมีส่วนผิดอยู่ด้วยปรากฏว่าหลังคาตึกแถวจำเลยสูงกว่าหลังคาบ้านโจทก์เพียง1เมตรและยังมีช่องให้แสงสว่างเข้าได้พอสมควรซึ่งลมก็ย่อมจะพัดผ่านบ้านโจทก์ได้บ้างแม้ไม่มากเหมือนดังเดิมทั้งไม่ปรากฏว่าตึกแถวจำเลยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลมหรือแสงสว่างแต่อย่างใดและในสภาวะที่บ้านโจทก์สร้างด้วยไม้ย่อมแก้ไขปรับปรุงได้ไม่ยากซึ่งก็ปรากฏว่าโจทก์ได้แก้ไขหน้าต่างไปแล้วในสภาพที่เป็นชุมชนผู้ที่อยู่อาศัยย่อมจะต้องยอมรับความลำบากอยู่บ้างฉะนั้นเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่ของบ้านโจทก์และจำเลยมาคำนึงประกอบแล้วเห็นว่าโจทก์มิได้เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินโฉนด เลขที่ 10536 และ 14040 ตำบล พยุหะ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัด นครสวรรค์ เนื้อที่ 13 ตารางวา และ 1 ตารางวา ตามลำดับที่ดิน ดังกล่าว มี บ้าน ไม้ 2 ชั้น ตั้ง อยู่ ที่ดิน ของ โจทก์ ทั้ง สองแปลง อยู่ ติด กัน โดย มี อาณาเขต ทาง ด้าน ทิศเหนือ ติด ทางสาธารณะ(ถนนศรีพยุห) ทิศใต้ และ ทิศตะวันออก ติด ที่ดิน ของ จำเลย ทิศตะวันตกติด ที่ดิน ของ นาย เส็ง ต่อมา จำเลย ได้ สร้าง ตึกแถว 3 ชั้น ลง ใน ที่ดิน ของ จำเลย ติด ที่ดิน ของ โจทก์ ทาง ด้าน ทิศตะวันออก และ ทิศใต้ โดย ทางทิศใต้ นั้น ด้านหลัง ตึก ของ จำเลย หัน เข้า หา ด้านหลัง บ้าน ของ โจทก์ห่าง กัน ประมาณ 4 นิ้ว จาก การ ที่ จำเลย ปลูกสร้าง ตึก ดังกล่าว สูงเกินสมควร และ ผนังตึก ด้านหลัง บ้าน ของ โจทก์ ที่ จำเลย ปลูก ขึ้น นั้นอยู่ ติด ชิด ใกล้ กับ หลังบ้าน ของ โจทก์ ทำให้ ปิด กั้น แสง สว่าง แสงแดด และลม มิให้ เข้า ไป ใน บ้าน ของ โจทก์ การกระทำ ของ จำเลย เป็น การ ใช้ สิทธิของ ตน เป็นเหตุ ให้ โจทก์ ได้รับ ความเสียหาย หรือ เดือดร้อน เกิน ที่ ควร คิดหรือ คาดหมาย ว่า จะ เป็น ไป ตาม ปกติ และ เหตุอันสมควร ใน เมื่อ เอา สภาพและ ตำแหน่ง ที่อยู่ แห่ง ที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง มา คำนึง ประกอบ กันเพราะ ด้านหลัง บ้าน ของ โจทก์ ที่ จำเลย ปลูกสร้าง ตึก ลง ไป แล้ว จำเลยยัง มี เนื้อที่ดิน เหลือ เป็น ที่ว่าง อีก มาก และ จำเลย ยัง สามารถ จะเว้น ทาง ด้านหลัง ตึก ของ จำเลย ให้ ห่าง จาก ของ โจทก์ ทาง ด้านหลัง เพื่อ ให้แสงแดด และ ลม เข้า ไป ใน บ้าน ของ โจทก์ ได้ บ้าง แต่ จำเลย ไม่ได้ กระทำทั้งที่ จำเลย สามารถ กระทำ ได้ การกระทำ ของ จำเลย จึง เป็น การ ละเมิดต่อ โจทก์ ก่อ ให้ เกิด ความเสียหาย แก่ โจทก์ ซึ่ง เป็น เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ข้างเคียง หรือ อย่างน้อย ก่อ ให้ เกิด ความ เดือดร้อนรำคาญ เกินกว่า ที่ ควร คาดคิด หรือ คาดหมาย ได้ว่า จะ เกิดขึ้น ตาม ปกติขอให้ บังคับ จำเลย รื้อ ฝาผนัง ตึก ที่ ด้านหลัง บ้าน ของ โจทก์ ซึ่ง กว้างประมาณ 5 เมตร เพื่อ ให้ แสง สว่าง แสงแดด และ ลม เข้า สู่ บ้าน ของ โจทก์ ได้
จำเลย ให้การ ว่า ตึก ของ จำเลย สร้าง ใหม่ จึง สูง กว่า บ้าน ของโจทก์ ด้านหลัง ประมาณ 1 เมตร ไม่ สูง เกินสมควร แต่อย่างใด บริเวณดังกล่าว เป็น ตลาด และ อาคาร ส่วน ใหญ่ เป็น ตึก ยัง คงเหลือ อาคาร ไม้2 ห้อง ซึ่ง เป็น ของ โจทก์ 1 ห้อง หาก โจทก์ จะ ปลูกสร้าง เป็น ตึก แล้วความ สูง จะ เท่ากัน ที่ โจทก์ กล่าว ว่า จำเลย สร้าง ตึก ชิด ติด ใกล้ บ้านของ โจทก์ ทำให้ ปิด เปิด หน้าต่าง ไม่ได้ นั้น ระหว่าง ที่ จำเลย ยัง ไม่ได้สร้าง ตึก โจทก์ ได้ เจาะ กำแพง ห้อง ด้านหลัง ทำ เป็น หน้าต่าง เมื่อ เปิดหน้าต่าง บาน หน้าต่าง ล้ำ เข้า มา ใน แดนกรรมสิทธิ์ ของ จำเลย เมื่อ จำเลยสร้าง ตึก ใน เขต ที่ดิน ของ จำเลย จึง ทำให้ หน้าต่าง ที่ ล้ำ เข้า ใน ที่ดินของ จำเลย ปิด เปิด ไม่ได้ ส่วน เรื่อง ปิด กั้น แสง สว่าง แสงแดด และ ลมนั้น ก็ ไม่เป็น ความจริง เพราะ แสง สว่าง ก็ ยัง ส่อง ได้ ตาม ปกติ ด้านทิศเหนือ ติด ถนน ใหญ่ ใน ตลาด พยุหะ มี ประตู หน้าต่าง บน ชั้น สอง กว้าง พอ ที่ แสง สว่าง จะ ส่อง เข้า ไป ได้ ส่วน ลม นั้น ทาง ด้านหลัง ชั้น สองของ ห้อง โจทก์ โจทก์ ได้ ขยับ ฝา บ้าน ของ โจทก์ เข้า มา ใน ที่ ของ โจทก์ประมาณ 1 เมตร มี ประตู หน้าต่าง ที่ สามารถ ให้ ลม พัด ผ่าน ได้ความ เดือดร้อน ที่ โจทก์ อ้าง นั้น ถ้า โจทก์ ได้ แก้ไข เพียง เล็กน้อยเท่านั้น ปัญหา ที่ โจทก์ อ้างว่า เสียหาย และ เดือดร้อน ก็ จะ หมดสิ้น ไปไม่จำเป็น ที่ จะ ต้อง ให้ จำเลย รื้อถอน อาคาร และ ไม่ใช่ ความ เดือดร้อนเป็น พิเศษ แต่อย่างใด หาก คำนึง ถึง สภาพ ตำแหน่ง ที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้างมา ประกอบ แล้ว ที่ดิน ตั้ง อยู่ ใน ตลาด ใหญ่ ใน ย่านชุมชน กลางเมือง จะ ต้องมี ตึกแถว ติดต่อ กัน ไป จน ถึง สุด ถนน บ้าน ของ โจทก์ เป็น บ้านเรือน ไม้สร้าง มา นาน ชำรุด ทรุดโทรม มาก แล้ว โจทก์ จะ ต้อง สร้าง ใหม่ เป็น ตึกเมื่อ สร้าง แล้ว ปัญหา ที่ โจทก์ อ้างว่า เดือดร้อน ก็ จะ หมดสิ้น ไป โจทก์จึง มิได้ เดือดร้อน เกินควร หรือ เป็น พิเศษ
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า แม้ จำเลย จะ ได้ ก่อสร้าง ตึกแถว ชิด แนวเขตที่ดิน เกิน ไป แต่ ก็ มิได้ รุกล้ำ ที่ดิน โจทก์ และ โจทก์ เอง ก็ ได้ ปลูก บ้านชิด แนวเขต มาก เกิน ไป ด้วย โจทก์ จึง มี ส่วน ผิด อยู่ ด้วย และ ใน เรื่องความ เดือดร้อน ของ โจทก์ เกี่ยวกับ แสง สว่าง และ ลม นั้น เมื่อ พิจารณาจาก ภาพถ่าย ปรากฏว่า หลังคา ตึกแถว จำเลย สูง กว่า หลังคา บ้าน โจทก์ เพียง1 เมตร และ ยัง มี ช่อง ให้ แสง สว่าง เข้า ได้ พอสมควร ซึ่ง ลม ก็ ย่อม จะ พัดผ่าน บ้าน โจทก์ ได้ บ้าง แม้ ไม่มาก เหมือน ดัง เดิม ทั้ง ไม่ปรากฏ ว่า ตึกแถวจำเลย มี ปัญหา เกี่ยวกับ เรื่อง ลม หรือ แสง สว่าง แต่อย่างใด และ ในสภาวะ ที่ บ้าน โจทก์ สร้าง ด้วย ไม้ ย่อม แก้ไข ปรับปรุง ได้ไม่ ยาก ซึ่ง ก็ปรากฏว่า โจทก์ ได้ แก้ไข หน้าต่าง ไป แล้ว ใน สภาพ ที่ เป็น ชุมชนผู้ที่ อยู่อาศัย ย่อม จะ ต้อง ยอมรับ ความ ลำบาก อยู่ บ้าง ฉะนั้น เมื่อเอา สภาพ และ ตำแหน่ง ที่อยู่ ของ บ้าน โจทก์ และ จำเลย มา คำนึง ประกอบ แล้วเห็นว่า โจทก์ มิได้ เดือดร้อน เกิน ที่ ควร คิด หรือ คาดหมาย ได้ว่าจะ เป็น ไป ตาม ปกติ และ เหตุอันควร
พิพากษายืน

Share