คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7945/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297แต่ทางพิจารณาได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายเนื่องจากมีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา299ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 83
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุกคนละ 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างนับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกคนละ 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1และที่ 2 ด้วย
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่เกี่ยวกับตัวจำเลยที่ 1 ไม่มีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์กล่าวหาได้ ส่วนจำเลยที่ 2 แม้จะฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปในสำนักงานของผู้เสียหาย แต่เมื่อพิจารณาจากคำเบิกความของนายวัฒนาพยานโจทก์ที่ว่า ขณะที่จำเลยที่ 2 กับนางสุชญาหรือหมูมาทวงค่าโทรศัพท์จากผู้เสียหายถูกผู้เสียหายเอาสิ่งของขว้างจำเลยที่ 2 จึงได้เดินเข้าไปในสำนักงานของผู้เสียหาย ถูกพนักงานที่เป็นลูกหลานของผู้เสียหายช่วยกันจับตบตีนั้นแล้ว จากพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 กับผู้เสียหายและพวกมีเจตนาสมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายซึ่งกันและกันนั้นเอง และจากข้อเท็จจริง เหตุเกิดในครั้งนี้มีการชุลมุนต่อสู้กันเกินกว่าสามคนขึ้นไป โดยผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299 วรรคหนึ่ง แต่ความผิดในข้อนี้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 มา ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อกล่าวหาในฟ้องซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งคดี จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง
พิพากษายืน

Share