คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4003/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลแม้จำเลยคัดค้านศาลก็อนุญาตให้ถอนฟ้องได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และให้จำเลยทั้งสองยกเลิกคำสั่งเพิกถอนสัญชาติไทยของโจทก์
จำเลยให้การว่า คำสั่งเพิกถอนสัญชาติของโจทก์เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยรับสำเนาคำร้องแล้วยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีจากสารบบความค่าธรรมเนียมไม่คืนเพราะโจทก์เสียค่าธรรมเนียมเพียง 200 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่โจทก์ขอถอนฟ้อง แต่จำเลยคัดค้านไม่ยอมให้ถอนย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงหาเป็นการผิดกฎหมายไม่ เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในเรื่องโจทก์ขอถอนฟ้องมีข้อห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดก่อนเท่านั้น ไม่มีข้อห้ามว่าคดีที่ได้นัดพิจารณาแล้วจำเลยคัดค้านไม่ยอมให้ถอนศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องไม่ได้ ทั้งการที่โจทก์ขอถอนฟ้องก็เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายหากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่จำเลยทั้งสองก็มีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่หาทำให้โจทก์ได้เปรียบและทำให้จำเลยเสียเปรียบและเสียหายดังที่จำเลยฎีกาไม่ กรณีจึงไม่เป็นเหตุแก้ไขดุลพินิจศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีนี้ฎีกาจำเลยจึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เป็นไปตามที่ขอมาได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.

Share