คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้พ้นระยะเวลาเอาคืนซึ่งการครอบครองและศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้จำเลยได้โต้แย้งคัดค้านและตั้งประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกาตลอดมาประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ตั้งประเด็นไว้เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะจำเลยให้การต่อสู้ไว้แต่แรก.

ย่อยาว

โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องแนวเขตที่ดินซึ่งครอบครองทำประโยชน์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป (หมายถึงประเด็นเรื่องค่าเสียหาย) พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลย 600 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยใช้เสารั้วปักกั้นเป็นอาณาเขต จำเลยได้เข้ามาแย่งการครอบครองโดยถอนเสารั้วของโจทก์ทำรั้วและปลูกต้นไม้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเพื่อเอาคืนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง ที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้พ้นระยะเวลาเอาคืนซึ่งการครอบครองและศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จำเลยได้โต้แย้งคัดค้านและตั้งประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกาตลอดมานั้นเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ตั้งประเด็นไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะจำเลยให้การต่อสู้ไว้แต่แรก ในประเด็นข้อนี้จำเลยต่อสู้ว่าได้เข้าแย่งการครอบครองที่พิพทตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 แต่ได้วินิจฉัยมาข้างต้นแล้วว่ารับฟังไม่ได้ ฝ่ายโจทก์มีตัวโจทก์เบิกความว่าจำเลยทำรั้วเมื่อประมาณวันที่ 22 หรือ 23เมษายน 2524 โจทก์ไปเห็นรั้วที่จำเลยทำเมื่อวันที่ 29 เมษายน2524 ขณะนั้นจำเลยยังทำรั้วไม่เสร็จ ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์การแย่งการครอบครองด้วยประกอรอื่นก่อนหน้านั้น เห็นว่าในวันที่29 เมษายน 2524 ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองของโจทก์ไปได้แล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อเอาคืนการครอบครองเมื่อวันที่ 23เมษายน 2525 แม้นับตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2524 ก็ยังไม่ถึง 1 ปีโจทก์จึงยังไม่ขาดสิทธิฟ้องเอาที่พิพาทคืน
คดีมีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์เสียหายเพียงไร โจทก์นำสืบว่าโจทก์ขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาท เดือนละ 500 บาท และค่าเสียหายจากเสารั้วที่จำเลยถอน 22 ต้น ราคาต้นละ 40 บาท จำเลยนำสืบโต้เถียงเฉพาะค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาทเท่านั้นส่วนค่าเสียหายเกี่ยวกับเสารั้วของโจทก์ มิได้นำสืบแต่อย่างใดจึงให้ค่าเสียหายส่วนนี้ตามที่โจทก์นำสืบ ส่วนค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาท ได้พิเคราะห์ถึงสภาพของที่ดินตามที่ปรากฏในภาพถ่ายหมาย ล.2 ถึง ล.5 และการที่โจทก์ยังไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทขณะถูกจำเลยแย่งการครอบครอง จึงเห็นสมควรกำหนดค่าขาดประโยชน์ให้โจทก์เดือนละ 50 บาท ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นเป็นบางส่วน”
พิพากษากลับว่า ที่ดินพิพาทภายในเส้นสีแดงของแผนที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยใช้ค่าเสารั้วแก่โจทก์เป็นเงิน 880 บาท และค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาทเป็นเงินเดือนละ 50 บาท นับแต่วันที่ 29 เมษายน 2524เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,200บาท.

Share